กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1913
ชื่อเรื่อง: ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจในชีวิตสมรส : ศึกษากรณีประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการ
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Factors Effecting Satisfaction in Marriage Lives : A Case Study on People in Samutprakarn Province
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: ธัญญา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
Thanya Sanitwongse Na Ayuttaya
กนิษฐา บุญยัง
Kanittha Boonyoung
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Social Work and Social Welfare
คำสำคัญ: การสมรส
Marriage
คู่สมรส
Spouses
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
Interpersonal relations
ความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษกับสตรี
Man-woman relationships
วันที่เผยแพร่: 1998
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
บทคัดย่อ: การทำสารนิพนธ์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยภายนอกได้แก่ เพศ ระดับการศึกษา อาชีพหลัก อาชีพคู่สมรส ช่วงอายุที่ต่างกัน จำนวนบุตร รายได้ของครอบครัว รายจ่ายของครอบครัว ระยะเวลาในการสมรส กับความพึงพอใจในชีวิตสมรส และเพื่อศึกษาอิทธิพลของคุณภาพชีวิตสมรส ได้แก่ ความสมานฉันท์ทางบทบาทต่อความพึงพอใจในชีวิตสมรส การสื่อสารระหว่างคู่สมรส ความเป็นเพื่อนคู่ชีวิต โดยศึกษาประชาชนน จำนวน 404 คน และนำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ SPSS/PC+ เพื่อศึกษาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าความแปรปรวนผลการวิจัยพบว่า 1. คู่สมรสที่มีอาชีพเกษตรกรรม มีรายได้สูงและพอเพียงมีความสมานฉันท์ในครอบครัว สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น และมีรายได้น้อยและไม่พอเพียง 2. คู่สมรสที่มีอาชีพค้าชายและรับจ้างอิสระ มีการศึกษาสูง มีรายได้สูงและพอเพียง มีการสื่อสารในครอบครัวดีกว่าคู่สมรสที่มีอาชีพอื่น มีการศึกษาน้อยและมีรายได้น้อยไม่พอเพียง 3. คู่สมสรสที่มีอาชีพเกษตรกรรม มีรายได้สูงและพอเพียง มีการศึกษาสูง แต่อยู่กินกับคู่สมรสไม่นาน มีความเป็นเพื่อนคู่ชีวิตสูงกว่าคู่สมรสอาชีพอื่น 4. คู่สมรสที่มีอาชีพค้าขายและรับจ้างอิสระมีรายได้สูง และพอเพียง มีความพึงพอใจในชีวิตสมรสมากกว่าคู่สมรสจากอาชีพอื่น และมีรายได้น้อย ไม่พอเพียง5. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจในชีวิตสมรสตามลำดับ คือ ความสมานฉันท์ทางบทบาท ความเป็นเพื่อนคู่ชีวิต การสื่อสารระหว่างคู่สมรส มีความพอเพียงของรายได้ อาชีพแรงงานในภาคอื่นที่ไม่ใช่ภาคอุตสาหกรรม การมีบุตรและระดับการศึกษาข้อเสนอแนะ 1. กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันการศึกษา ควรแทรกเสริมความรู้เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ในการดำเนินชีวิต พัฒนการรู้จักใช้ชีวิตร่วมกันในกลุ่มเพื่อน รู้จักการสร้างเสริมสามัคคี และแบ่งหน้าที่กันในกลุ่ม อันจะไปสู่การรู้จักบทบาทหน้าที่ในชีวิตคู่ต่อไป 2. วัดและบุคลากรทางศาสนา ควรส่งเสริมให้สมาชิกในแต่ละครอบครัวได้รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง การเดินทางสายกลางและการใช้หลักเหตุผล3. กระทรวงสาธารณสุข เช่น กรมสุขภาพจิต ควรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้แก่คู่สมรส ในการวางแผนและการสร้างความสัมพันธ์ในชีวิตสมรส เพื่อให้คู่ชีวิตสมรสมีความสุขมากยิ่งขึ้น
รายละเอียด: สารนิพนธ์ (สส.ม.) (การจัดการโครงการสวัสดิการสังคม) -- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 2541
URI: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1913
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:Social Work and Social Welfare - Independent Studies

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
Kanitta-Boonyung.pdf
  Restricted Access
10.19 MBAdobe PDFดู/เปิด Request a copy


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น