กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/4355
ชื่อเรื่อง: การเปรียบเทียบปัญหาและอุปสรรคระหว่างผู้ลงทุนเลี้ยงสุกรขุนกับผู้รับจ้างเลี้ยงสุกรขุนในเขตอำเภอบ่อทอง อำเภอบ้านบึง และอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
ชื่อเรื่องอื่นๆ: A Comparative Study of Problems and Obstacles between the the Fattening Pig of Non-Contract and under the Contract Farming in Bothong, Banbung, and Panasnikhom Dictricts, Chonburi Province
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: สถาพร ปิ่นเจริญ
Sathaporn Pincharoen
รุ่งฤดี ธนูแก้ว
Rungrudee Thanukaew
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Business Administration
คำสำคัญ: สุกร – การเลี้ยง – ไทย – ชลบุรี
Swine -- Feeding and feeds – Thailand – Chonburi
สุกรขุน – การเลี้ยง
การลงทุน
Investment
เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร
Swine raisers
วันที่เผยแพร่: 2011
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
บทคัดย่อ: การศึกษาอิสระฉบับนี้ เป็นการศึกษาเปรียบเทียบปัญหาและอุปสรรค ระหว่างผู้ลงทุนเลี้ยงสุกรขุนกับผู้รับจ้างเลี้ยงสุกรขุนในเขตอำเภอบ่อทอง อำเภอบ้านบึง และอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบ ปัญหา อุปสรรค ของผู้ลงทุนเลี้ยงสุกรขุนกับผู้รับจ้างเลี้ยงสุกรขุนในเขตอำเภอบ่อทอง อำเภอบ้านบึง และอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี 2. เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจการเลี้ยงสุกร รวมไปถึงผู้ที่สนใจ ได้ทราบถึงปัญหา อุปสรรค รวมไปถึงขั้นตอนการเดินการในส่วนต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นเลี้ยงสุกรจนสิ้นสุดที่กระบวนการขาย และนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับการเลี้ยงสุกรขุนของตนเอง 3. เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนของผู้ที่สนใจในอาชีพการเลี้ยงสุกรขุน การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์บุคคลเชิงลึก คำถามที่ใช้ในการสัมภาษณ์เป็นคำถามปลายเปิดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในด้านต่างๆ คือ ด้านการเลี้ยงสุกร ด้านการตลาดสุกร และด้านการรับบริการ โดยเน้นให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เล่าถึงประสบการณ์การดำเนินการในแต่ละด้านพร้อมกับแสดงความคิดเห็น ผลที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้ศึกษาจะนำไปจัดกลุ่มเพื่อให้เห็นถึงวิธีการดำเนินการหรือความแตกต่างระหว่างผู้เลี้ยงสุกรทั้งสองกลุ่ม ซึ่งปรากฏผลการศึกษาดังนี้ 1. ด้านการเลี้ยงสุกร ได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 4 ส่วน คือ พันธุ์สุกร อาหารและวัตถุดิบโรงเรือนสำหรับเลี้ยงสุกร การสุขาภิบาล และการป้องกันโรค การศึกษาแต่ละส่วนนั้นสามารถสรุปให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างผู้รับจ้างเลี้ยงและผู้ลงทุนเลี้ยงดังนี้ พันธุ์สุกร พบว่าผู้ที่รับจ้างเลี้ยงสุกร จะมีบริษัทผู้จ้างเลี้ยงนำลูกสุกรมาลงให้ โดยผู้ที่รับจ้างเลี้ยงไม่สามารถกำหนดคุณสมบัติของลูกสุกรที่ต้องการได้ จึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องการเจ็บป่วยและโรคต่างๆ ที่ติดมากับลูกสุกร ส่วนผู้ที่ลงทุนเลี้ยงนั้น มีแม่พันธุ์ที่สามารถผลิตลูกสุกรเองได้หรือบางฟาร์มก็ซื้อจากฟาร์มที่ซื้อขายกันประจำ โดยผู้ที่ลงทุนเลี้ยงนั้นสามารถที่จะเลือกหรือกำหนดคุณสมบัติของลูกสุกรที่ต้องการได้ จึงทำให้ไม่มีปัญหาในส่วนนี้ อาหารและวัตถุดิบ พบว่าผู้รับจ้างเลี้ยงจะต้องใช้อาหารสำเร็จรูปที่ทางบริษัทผู้จ้างเลี้ยงส่งมาให้เท่านั้น ซึ่งปัญหาที่พบจะเป็นเรื่องคุณภาพของอาหารที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสุกรและปัญหาเรื่องราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนผู้ลงทุนเลี้ยงจะใช้ทั้งอาหารสำเร็จรูปและอาหารผสมโดยเลือกซื้อวัตถุดิบจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือและคำนึงถึงคุณภาพของวัตถุดิบเป็นสำคัญ ปัญหาที่พบจะเป็นเรื่องของเชื้อราที่มากับวัตถุดิบและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น โรงเรือนสำหรับเลี้ยงสุกร พบว่าทั้งผู้รับจ้างเลี้ยงและผู้ลงทุนเลี้ยงมีลักษณะการสร้างโรงเรือนส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกัน แต่จุดที่ต่างกันอย่างชัดเจนที่สุด คือ จุดให้น้ำที่ผู้รับจ้างเลี้ยงจะกำหนดให้อยู่บริเวณผนังกันห้อง ห้องละ 3 จุด ส่วนผู้ลงทุนเลี้ยงจะกำหนดให้อยู่บริเวณด้านหลังห้อง ห้องละ 2 ชุด ปัญหาที่พบส่วนใหญ่จะเป็นการเปียกลื่นของพื้นห้อง การสุขาภิบาลและการป้องกันโรค พบว่า ผู้รับจ้างเลี้ยงจะมีสัตวแพทย์หรือสัตวบาลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้จ้างเลี้ยงมาคอยดูแล บริการให้คำแนะนำต่างๆ รวมไปถึงบริการฉีดวัคซีน โดยที่สามารถเบิกวัคซีนหรือยาปฏิชีวนะกับทางบริษัทผู้จ้างเลี้ยงมาใช้ก่อนได้ ส่วนผู้ลงทุนเลี้ยงจะต้องดำเนินการเอง หรือให้ลูกจ้างในฟาร์มดำเนินการให้ ซึ่งบางครั้งเจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนก็เป็นผู้ดูแลให้ โดยซื้อวัคซีนหรือยาปฏิชีวนะมาจากร้านขายยาสัตว์และกรมปศุสัตว์ ส่วนการดำเนินการเรื่องมูลสุกร น้ำเสียที่เกิดจากการเลี้ยงสุกร พบว่าไม่แตกต่างกัน แต่การจัดการกับสุกรป่วยแตกต่างกันคือ บริษัทผู้จ้างกำหนดให้ต้องแยกสุกรป่วยทุกกรณีออกจากกลุ่มเพื่อทำการรักษา แต่ผู้ลงทุนเลี้ยงจะดำเนินการรักษาโดยทันที กรณีที่จะแยกสุกรป่วยออกจากกลุ่มคือ สุกรที่อาการหนักหรือผู้เลี้ยงพิจารณาแล้วว่าสมควรแยก 2. ด้านการตลาดสุกร เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้วงจรการผลิตสุกรสิ้นสุดลงที่การขาย แบ่งการศึกษาออกเป็น 4 ส่วน คือ รูปร่าง คุณภาพสุกร (Product) ราคาสุกร (Price) ผู้ซื้อสุกร (Place) และการส่งเสริมการตลาดสุกร (Promotion) พบว่า รูปร่าง คุณภาพสุกร (Product) และการส่งเสริมการตลาดสุกร (Promotion) มีการดำเนินการไม่แตกต่างกัน ส่วนราคาสุกร (Price) กับผู้ซื้อสุกร (Place) มีการดำเนินการแตกต่างกันคือ ราคาสุกร (Price) ของผู้รับจ้างเลี้ยงจะถูกกำหนดโดยบริษัทผู้จ้างเลี้ยง ผู้ซื้อไม่สามารถต่อรองราคากับผู้เลี้ยงได้ และการชำระเงินค่าขายสุกรขุนจะรับเป็นเช็คเงินสดหลังจากสุกรตัวสุดท้ายออกจากเล้า 15-20 วัน ปัญหาที่พบคือ ได้รับเงินล่าช้า ส่วนผู้ลงทุนเลี้ยงจะขายตามราคาประกาศในแต่ละท้องถิ่น ผู้ซื้อสามารถต่อรองราคากับผู้เลี้ยงได้บางกรณี และการรับชำระเงินค่าขายสุกรขุนจะรับโดยตรงจากผู้ซื้อเป็นเงินสด/เครดิต ปัญหาที่พบ คือ ความไม่ซื่อสัตย์ของผู้ซื้อกรณีที่ให้เครดิต ทางด้านผู้ซื้อสุกร (Place) พบว่า ผู้รับจ้างเลี้ยงสุกรไม่สามารถเลือกช่องทางในการจัดจำหน่ายได้ต้องขายให้กับบริษัทผู้จ้างเลี้ยงเท่านั้น ปัญหาที่พบคือ ต้องรอคิวจับนาน ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าอาหาร ค่าไฟ ค่าจ้าง เป็นต้น ส่วนผู้ลงทุนเลี้ยงสุกร สามารถเลือกช่องทางการจัดจำหน่ายได้หลายช่องทาง เช่น พ่อค้าชำแหละขาย พ่อค้าคนกลาง ปัญหาที่พบคือ ถ้าขายสุกรให้กับพ่อค้าคนกลางจะได้เงินน้อยกว่าทั่วไป กิโลกรัมละ 1-2 บาท 3. การรับบริการ แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่ผู้ให้บริการเป็นเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ พบว่า ผู้รับบริการส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับบริการสำหรับผู้ที่เคยรับบริการพบปัญหาคือ การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในวันหยุดราชการ หรือไปแล้วไม่พบเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการ เป็นต้น กรณีผู้ให้บริการเป็นเจ้าหน้าที่เอกชนพบว่า ทั้งผู้รับจ้างเลี้ยงสุกรและผู้ลงทุนเลี้ยงสุกรทั้งหมดต่างเคยได้รับบริการจากเจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนและไม่เคยมีปัญหาระหว่างกัน ผู้ศึกษาได้นำความรู้ที่ได้จากการศึกษาในแต่ละด้านมาวิเคราะห์ข้อดี และข้อเสียของการเลี้ยงสุกรทั้งสองประเภท เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจของผู้ที่มีความสนใจในอาชีพการเลี้ยงสุกรพบว่า ข้อดีของผู้ที่รับจ้างเลี้ยงสุกร คือ มีรายได้ที่แน่นอนไม่ต้องเสี่ยงต่อผลขาดทุนในช่วงที่ราคาประกาศลดต่ำลงกว่าราคาประกัน มีตลาดรองรับผลผลิตแน่นอน และได้รับการอำนวยความสะดวกในส่วนของปัจจัยการผลิตจากบริษัทผู้จ้างเลี้ยงส่งมาดูแล ส่วนข้อเสียของผู้รับจ้างเลี้ยง คือ ผู้เลี้ยงจะขาดความเป็นอิสระในการบริหารจัดการฟาร์ม ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงขาดการพัฒนาความรู้ของตน ขาดอิสระในการเลือกสรรค์ปัจจัยการผลิต และขาดอำนาจในการขาย ส่วนทางด้านผู้ลงทุนเลี้ยงสุกร ข้อดีและข้อเสียส่วนใหญ่จะตรงข้ามกันกับผู้รับจ้างเลี้ยง อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการเลี้ยงสุกรทั้ง 2 ประเภทแล้วนั้น การนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์จะขึ้นอยู่กับผู้นำไปใช้ว่าเป็นกลุ่มไหน และจะใช้ข้อมูลนั้นอย่างไร
รายละเอียด: การศึกษาอิสระ (บธ.ม.) (บริหารธุกิจ) -- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 2554
URI: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/4355
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:Business Administration - Independent Studies

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
A-Comparative-Study-of-Problems-and-Obstacles-between-the-Fattening-Pig-of-Non.pdf
  Restricted Access
13.28 MBAdobe PDFดู/เปิด Request a copy


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น