ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับระดับความเครียดของพนักงานโรงหลอมอะลูมิเนียมแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ

Abstract

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับระดับความเครียดของพนักงานโรงหลอมอะลูมิเนียมแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานโรงหลอมอะลูมิเนียมแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 271 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามผ่าน Google form และแบบสอบถามในรูปแบบกระดาษ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติเชิงวิเคราะห์ ได้แก่ ไคสแควร์ (Chi-square) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆและระดับความเครียดของพนักงานโรงหลอมอะลูมิเนียมแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติเท่ากับ 0.05 ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อระดับความเครียดของพนักงานโรงหลอมอะลูมิเนียมแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตทำงานและชีวิตส่วนตัว (p-value < 0.001) รองลงมาปัจจัยด้านการเผชิญความเครียด (p-value = 0.001) และความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน (p-value = 0.004) ข้อเสนอแนะจากการทำวิจัย คือ ควรจัดการความเครียดของพนักงานโดยเน้นการวางแผน การอบรมและการจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงาน เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตและบรรยากาศการทำงานที่ดี

The objective of this study was to investigate the factors associated with stress levels among employees at a smelting factory aluminum is Samut Prakan province. The sample consisted aluminum of 271 employees from the factory. Data were collected using questionnaires distributed via Google Forms and in paper format. The data were analyzed using descriptive statistics, including frequency distribution, percentage, mean, and standard deviation. Inferential statistics, specifically the Chi-square test, were employed to examine the relationship between various factors and the stress levels of the employees at the significance level of 0.05. The findings revealed that factors significantly associated with the stress levels of employees at the smelting factory aluminum in Samut Prakan province included relationships with work-life balance (p-value <0.001), followed by stress-coping factors (p-value = 0.001) and included relationships with coworkers (p-value = 0.004). The recommendation from this research is to manage employees’ stress by focusing on planning, providing training, and organizing activities that foster relationships in the workplace to promote mental well-being and a positive work environment.