ท่าทางการทำงานกับความผิดปกติโครงร่างกระดูกกล้ามเนื้อบุคลากรงานคอมพิวเตอร์สายสนับสนุนในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

Abstract

การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล (เพศ อายุ โรคประจำตัว ชั่วโมงในการนั่งทำงานคอมพิวเตอร์ต่อวัน ลักษณะโต๊ะและเก้าอี้) กับความผิดปกติของโครงร่างกระดูกและกล้ามเนื้อของบุคลากรงานคอมพิวเตอร์สายสนับสนุนในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติและศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างท่าทางการนั่งทำงานคอมพิวเตอร์กับความผิดปกติโครงร่างกระดูกกล้ามเนื้อของบุคลากรงานคอมพิวเตอร์สายสนับสนุนในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กลุ่มตัวอย่างบุคลากรงานคอมพิวเตอร์สายสนับสนุนในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 125 คน มีผู้ตอบกลับแบบสอบถามจำนวน 89 คน คิดเป็นร้อยละ 71.2 เพศชาย จำนวน 16 คน เพศหญิงจำนวน 73 คน มีอายุระหว่าง 20-60 ปี (อายุเฉลี่ย 38 ปี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 9.46) ผลการศึกษาพบว่าส่วนใหญ่นั่งทำงานคอมพิวเตอร์มากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน จำนวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 64 เป็นงานค้นหาข้อมูล พิมพ์เอกสารและติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีอาการปวดจำนวน 72 คน คิดเป็นร้อยละ 80.9 มีอาการปวดในช่วงเวลาทำงานพักแล้วไม่หาย และไม่สามารถทำงานได้ที่ คอ ไหล่ หลังส่วนบน หลังส่วนล่าง ข้อศอก แขนส่วนล่าง สะโพก/ต้นขา หัวเข่า น่อง และเท้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา โดยชนิดของเก้าอี้ ที่สามารปรับระดับความสูงได้มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติที่ไหล่ด้านซ้ายและหลังส่วนบนด้านขวา (p<0.05) ความสูงของพนักพิงเก้าอี้มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติที่มือ/ข้อมือซ้าย (p < 0.05) จากผลการประเมินท่าทางการนั่งทำงานคอมพิวเตอร์ของบุคลากรสายสนับสนุนจำนวน 41 คน ด้วยแบบประเมิน Rapid Office Strain Assessment (ROSA) ส่วนใหญ่มีคะแนนตั้งแต่ 5 คะแนนขึ้นไป จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 58.5 ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดความผิดปกติโครงร่างกระดูกและกล้ามเนื้อและควรมีการปรับปรุงสถานีงานเพื่อปรับเปลี่ยนท่าทางในการทำงาน โดยพบว่าท่าทางการนั่งทำงานคอมพิวเตอร์มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติที่ข้อศอกซ้าย (p<0.05) จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะเก้าอี้และท่าทางการนั่งทำงานเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดความผิดปกติโครงร่างกระดูกและกล้ามเนื้อ จึงควรพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะสมกับผู้ใช้และควรมีการปรับเปลี่ยนท่านั่งทำงานให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดความผิดปกติโครงร่างกระดูกกล้ามเนื้อ

The purpose of this descriptive research study was to study the personal factors (sex, age congenital disease, hours to work computers per day, types of tables and chairs) associated with musculaskeletal disorders among computer support officers in Huachiew Chalermprakiet University and study computer sitting postures associated with musculaskeletal disorders among support officers in Huachiew Chalermprakiet University. The computer support officers in Huachiew Chalermprakiet University sample consisted of 125, there were 89 respondents accounted for 71.2%. Early nine healthy subjects were 16 men and 73 women aged 20-60 years old (average 38 years old and SD 9,46). Fifty seven subjects (64%) worked in computer sitting postures more than 4 hours per day for searching, typing and internet communication. In the one year past, there were 72 subjects (80.9%) suffering from pain during work time not recovered after rest and cannot work both left and right in neck, shoulder, upper back, lower back, elbows, lower arms, hips/things, knees, calves and toes. The adjustable height chair was associated with musculoskeletal disorders in left shoulder and right upper back (p< 0.05). The level of chair backrest was associated with musculoskeletal disorders in left wrist/hand (p<0.05). Twenty four subjects (58.5%) from forty on were assessed sitting postures with Rapid Office Strain Assessment (ROSA) had more than 5 scores to be high risk to be musculoskeletal disorders should be improve working station. The sitting postures were associated with musculoskeletal disorders in left elbow (p<0.05). The results of computer working postures showed that equipment of computer worked, especially chairs and sitting postures were an important factor in the case of musculoskeletal disorders. It was recommended that considerer appropriate for the user and be adjusted to work properly to prevent the musculoskeletal disorders.