การศึกษาวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานฝ่ายผลิตบริษัทผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ประกอบรถไถแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานฝ่าย จำนวน 88 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามประกอบด้วยข้อมูล 3 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลวัดระดับทัศนคติและข้อมูลพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานโดยมีการนำไปทดสอบความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม
ได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาคอนบราคของข้อมูลในส่วนของการวัดระดับทัศนคติและพฤติกรรมความปลอดภัยเท่ากับ 0.741-0.775 ตามลำดับ ผู้วิจัยได้ตรวจสอบการกระจายของข้อมูลก่อนนำมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา แจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
สถิติเชิงวิเคราะห์เพื่อหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมความปลอดภัยของพนักงานใช้สถิติไคสแควร์ กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 80.7 เป็นเพศชาย ร้อยละ 62.5 มีอายุอยู่ในช่วง 36-50 ปี ร้อยละ 42.1 มีอายุงานต่ำกว่า 5 ปี ร้อยละ
51.1 จบการศึกษาในระดับประถมศึกษา ร้อยละ 64 มีสถานภาพสมรส ร้อยละ 42.1 ปฏิบัติงานในแผนกปั๊มขึ้นรูป ร้อยละ 76.1 มีสัญชาติไทย ร้อยละ 63.6 มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 92 เคยได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน ร้อยละ 51.1 เคยประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน ร้อยละ 80.7 มีทัศนคติเกี่ยวกับความปลอดภัยอยู่ในระดับดีและร้อยละ 92
มีพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานอยู่ในระดับดี ผลการทดสอบหาความสัมพันธ์พบว่าปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย แผนกงานที่ทำ ประวัติการประสบอุบัติเหตุจากการทำงานมีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p-value < 0.05 และปัจจัยด้านทัศนคติเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p-value < 0.05 ดังนั้น เพื่อสร้างเสริมพฤติกรรมความปลอดภัยและทัศนคติที่ดีให้กับพนักงานมากขึ้น ควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในงานด้านความปลอดภัยเพื่อเป็นการเสริมสร้างทัศนคติและพฤติกรรมที่ดีให้มีความยั่งยืนต่อไป
In this study was cross-sectional descriptive research. The purpose of relationship between personal and safety attitude factor with safety behaviors among production staff in of assembly part's tractor manufacturing in Samutprakan province. The sample for this study were 92 workers who work in production department. Questionnaires was used
for data collection including 3 part, personal factors, safety attitudes and safety behaviors in the workplace. The test results, the confidence of the attitude and safety behavior by means of Cronbach. Had the confidence α = 0.471, 0.775 for analysis used frequency, percentile, mean, standard deviation and Chi-square to test relationship. The result of this study showed that the majority of 80.7 for males 62.5 percentage for age range 36-50 years old 42.1 percent for last job less than five years 51.1 percent for graduated in the primary 64 percent were married 42.1 percent worked in stamping 76.1 percent were Thai nationality 63.6 percent had earn at average between 10,001-15,000 THB 92 percent had to training on safety at work 51.1 percent had accident from working 80.7 percent had a positive attitude about safety at a good level and 92 percent were good safety behavior. Test results showed that the relationship between personal factors include accident history department at work was related to safe behavior in the workplace by statistically significant at P-value < 0.05 and the attitude about safety attitude was related to safe behaviors in the workplace by a significant statistical P – value < 0.05. Thus, to promote safety behaviors and safety attitudes for employees to moreover. This company should be encouraged to participate in safety to reinforce attitudes and safety behaviors to a sustainable.
