dc.contributor.author |
กฤษณา ดวงแก้ว |
|
dc.contributor.author |
จริยาวัตร คมพยัคฆ์ |
|
dc.contributor.author |
นภาพร แก้วนิมิตชัย |
|
dc.contributor.author |
Kritsana Duangkaew |
|
dc.contributor.author |
Jariyawat Kompayak |
|
dc.contributor.author |
Napaporn Kaewnimitchai |
|
dc.contributor.other |
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Nursing |
en |
dc.contributor.other |
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Nursing |
en |
dc.contributor.other |
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Nursing |
en |
dc.date.accessioned |
2024-05-22T03:51:23Z |
|
dc.date.available |
2024-05-22T03:51:23Z |
|
dc.date.issued |
2016 |
|
dc.identifier.citation |
วารสารจักษุธรรมศาสตร์ 11,2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2559) : 34-53 |
en |
dc.identifier.issn |
2586-8349 (Print) |
|
dc.identifier.issn |
2697-4398 (Online) |
|
dc.identifier.uri |
https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/2293 |
|
dc.description |
สามารถเข้าถึงบทความฉบับเต็มได้ที่
https://he01.tci-thaijo.org/index.php/eyesea/article/view/91297/71715 |
en |
dc.description.abstract |
วัตถุประสงค์:เพื่อศึกษาผลของการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเอง ระดับน้ำตาลในเลือด และระดับความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตาของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 รูปแบบ
การศึกษา: Quasi experimental research, One-group pre-posttest design
วิธีการศึกษา:ศึกษาในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เพศชายและเพศหญิงที่มีภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตาระดับปานกลางอายุ 20 ปี ขึ้น ไป จำนวน 45 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยกิจกรรมการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ตามกรอบแนวคิดของโอเร็ม แบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลตนเอง แบบบันทึกการเจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตาที่ได้รับการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน มีค่าความสอดคล้องของข้อค้าถามกับค้านิยามของพฤติกรรมการดูแลตนเองเท่ากับ 0.92 และเมื่อนำไปทดลองใช้ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.74 ด้าเนินการทดลองและเก็บข้อมูลในระยะเวลา 12 สัปดาห์ โดยพบกลุ่มตัวอย่าง 4 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที แต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ เปรียบเทียบความแตกต่างของระดับความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตาด้วยค่าร้อยละ เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลตนเอง ระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยสถิติ Pair t-test ที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.05
ผลการศึกษา: (1) ภายหลังได้รับการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลตนเองโดยรวมและรายด้านทั้ง 5 ด้าน ดีขึ้นกว่าก่อนได้รับการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p<0.001 (2) ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p<0.001 และ (3) ระดับความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตาเท่าเดิมร้อยละ 86.68 ลดลงร้อยละ 11.11
สรุป:ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตาหลังได้รับการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ มีพฤติกรรมการดูแลตนเอง ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น และไม่เพิ่มระดับความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตา |
en |
dc.description.abstract |
Objective: The effects of educative supportive nursing system on self-care behaviors fasting plasma glucose and level of diabetic retinopathy in type 2 diabetes mellitus. Design: Quasi experimental research, One-group pre-posttest design
Methods: The sample of this study consisted of 45 patients with type 2 diabetes, male and female, Moderate non-proliferative diabetic retinopathy, age 20 years or more. The research instruments consisted of educative supportive nursing system activities and based on the conceptual framework of Orem’s theory, a self- care behavior questionnaire was recorded for history of illness including diabetes mellitus and diabetic retinopathy. The instruments were tested for the content validity by 3 experts. The content validity index of self-care behaviors questionnaire = 0.92 and try out reliability was 0.74. Intervention and data collection was done for a period of 12 weeks, patients and assessors met four times, taking about 45-60 minutes each time, four weeks apart, we compared the difference in severity of diabetic retinopathy by percentage. We also compared the difference of the average self-care behaviors and fasting plasma glucose using the Paired t-test, accepting statistical significance at p <0.05.
Results: The research study showed that the intervention of educative supportive nursing system activities (1) improved the average total score for all 5 aspects of self-care behaviors when comparing between the pre and post intervention groups, statistically significantly at p < 0.001. (2) improved the fasting plasma glucose, statistically significantly at p <0.01 (3) lowered the level of diabetic retinopathy severity found in post intervention patients, with moderate NPDR being found in 86.68% and mild PDR found in 11.11% of patients. Conclusion: Patients with type 2 diabetes and non-proliferative diabetic retinopathy are examined for the post intervention effects of a supportive nursing system. Self-care behaviors, fasting blood glucose levels have improved and diabetic retinopathy has severity has not been increased. |
en |
dc.language.iso |
th |
en |
dc.subject |
การดูแลสุขภาพด้วยตนเอง |
en |
dc.subject |
Self-care, Health |
en |
dc.subject |
ผู้ป่วยเบาหวาน |
en |
dc.subject |
Diabetics |
en |
dc.subject |
น้ำตาลในเลือด |
en |
dc.subject |
Blood sugar |
en |
dc.subject |
เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน |
en |
dc.subject |
Diabetes Mellitus, Type 2 |
en |
dc.subject |
Non-insulin-dependent diabetes |
en |
dc.title |
ผลของการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเอง ระดับน้ำตาลในเลือด และระดับความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตาของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 |
en |
dc.title.alternative |
Effect of education supportive nursing system of self-care behaviors fasting plasma glucose and level of diabetic retinopathy in type 2 diabetes mellitus patients |
en |
dc.type |
Article |
en |