การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกที่บ้าน โดยใช้รูปแบบการปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ของศูนย์ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง รัฐเนบลาสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้เกณฑ์การประเมินความเข้มแข็งของหลักฐานเชิงประจักษ์ด้วยระดับความน่าเชื่อถือได้ของสเต็ทเลอร์ รวมทั้งใช้แนวทางการประเมินความเป็นไปได้ของแนวปฏิบัติการพยาบาลที่สร้างขึ้นของโพลิทและเบค ซึ่งมีขั้นตอนเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ปัญหาในการปฏิบัติงานของพยาบาลเยี่ยมบ้าน ศูนย์บริการสาธารณสุข 67 ทวีวัฒนา สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และปัญหาของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกที่บ้าน ด้วยการค้นหาหลักฐานเชิงประจักษ์โดยกำหนดคำสำคัญ เพื่อสืบค้นจากระบบฐานข้อมูล Medline, CINAHL, Pubmed, Cochrance ได้งานวิจัยระหว่างปี ค.ศ. 1998-2007 ที่ตรงประเด็นปัญหา จำนวน 11 เรื่อง ประกอบด้วย Experimental Randomized Controlled Trials 3 เรื่อง Quasi - Experimental Research 6 เรื่อง Action Research 2 เรื่อง ประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานข้อมูล จากนั้นทำการวิเคราะห์ และสังเคราะห์งานวิจัยดังกล่าว จนได้แนวปฏิบัติการพยาบาล เพื่อส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกที่บ้าน ซึ่งประกอบด้วย 1. แบบบันทึกข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคลของผู้ป่วยและผู้ดูแล 2. แบบประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน 10 ด้าน 3. แนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกที่บ้าน ตามระดับความสามารถในการทำ กิจวัตรประจำวันทั้ง 10 ด้าน คือ (1) การรับประทานอาหาร (2) การเคลื่อนย้ายจากเก้าอี้ไปยังเตียงและกลับมายังเก้าอี้ (3) การล้างหน้า หวีผม แปรงฟัน โกนหนวด (4) การเข้าห้องน้ำ (5) การอาบน้ำ (6) การเคลื่อนที่ภายในห้องหรือบ้าน (7) การขึ้น-ลงบันได 1 ขั้น (8) การสวมใส่เสื้อผ้า (9) การกลั้นอุจจาระ (10) การกลั้นปัสสาวะ ได้รับการตรวจสอบพิจารณาความถูกต้องและเหมาะสมจากผู้ทรงคุณวุฒิ ก่อนนำไปทดลองใช้แล้วนำมาปรับแก้ไขอีกครั้งข้อเสนอแนะควรมีการนำแนวปฏิบัติการพยาบาลนี้ไปใช้กับผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นและใช้เวลานานขึ้น เพื่อนำผลมาสรุปวิเคราะห์ปรับปรุงแก้ไขให้เป็นแนวปฏิบัติการพยาบาล เพื่อส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกที่บ้าน ที่เป็นเลิศ และมีการบูรณาการแนวปฏิบัติ การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกที่บ้าน เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาคุณภาพของศูนย์บริการสาธารณสุข
The purpose of this study is to develop clinical nursing practice guideline (CNPG) to promote self care in the hemiplegia patients and caregiver at home by adapting Evidence Based Practice Model of the High Nursing Practice Center of Nebraska, U.S.A. Evaluation standard on the intensity of evidence with high reliability level of Stetler and evaluation model on reliability of nursing practice guideline set up by Polit & Beck were adapted and used as framework for the study. The development began with analysis of the problems of nursing practice at home visit in the Health center 67 Thaweevatthana in Bangkok Metropolitan Administration and problems of patients and caregiver at home. Keywords were specified in the search of relevant evidences. From the research study of Medline, Cinahl, Pubmed, Cochrance between the years 1998-2007 eleven related literatures, which consisted of three experimental randomized control trials, six quasi-experimental researches and two action researches were selected to determine on reliability of evidences. From the analysis and synthesis of the said research literatures, the CNPG to promote self care in the hemiplegia patients and caregiver at home which consists of 1. Personal data of patients and caregivers. 2. A nursing practice guideline to assess of activites of daily living. 3. A nursing practice guideline to promote self care the hemiplegia patients and caregiver at home which consists of 10 parts, namely, (1) nutrition consumption, (2) getting up and down from bed, (3) washing face, brushing teeth, combing hair, (4) toilet use, (5) taking bath, (6) body movement- sitting, standing (7) going up stairs, (8) dressing, (9) excretion, (10) urination. The CNPG was evaluated by academic advisors before being implemented by nurse incommunity at Bangkok Metropolitan Administration Health centers. This guidelines should be continually to the more patients and more finding to evaluated and improved to the best practice guideline. It should be integrated. The guideline to the practice for quality improvment of Health center 76 Thaweevatthana.
