การวิจัยกึ่งทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในยุควิถีใหม่ของสตรีกลุ่มเสี่ยง กลุ่มตัวอย่างเป็นสตรีกลุ่มเสี่ยงอายุ 30-60 ปี ที่อยู่ในพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านโนนเหม่า ที่ไม่เคยเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกภายใน 2 ปี จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 30 คน และกลุ่มควบคุม 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ โปรแกรมส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มีค่าความตรงตามเนื้อหา เท่ากับ 0.67-1.00 และแบบสอบถามความรู้เรื่องโรคมะเร็ง มีค่าความเที่ยงของเครื่องมือ เท่ากับ 0.95 และทัศนคติในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.83 วิเคราะห์โดยแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้สถิติ pair t-test และ Independent t- test ผลการวิจัย พบว่า 1) ภายหลังการทดลองของกลุ่มทดลองมีค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้เรื่องมะเร็งปากมดลูกทัศนคติในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และมีการเข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสูงกว่าก่อนการทดลอง และมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .052) ภายหลังการทดลองของกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้เรื่องมะเร็งปากมดลูก ทัศนคติในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และมีการเข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสูงกว่ากลุ่มควบคุม และมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จึงสรุปได้ว่า โปรแกรมนี้สามารถเพิ่มระดับความรู้ และมีทัศนคติที่ดี ที่ทำให้สตรีกลุ่มเสี่ยงตัดสินใจ และเข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
This quasi-experimental research aimed to study the effects of promoting cervical cancer screening program in new normal era for women at risk. The samples were sixty women risk group, who have aged of 30 to 60 year and lived in Ban Non Mao Health Promoting Hospital. They had never been screened for cervical cancer within 2 years. The experimental group was30 women and the control group was 30 women. The research equipments were the promoting cervical cancer screening program, which had a content validity value at 0.67-1.00 and the cervical cancer knowledge questionnaire, which had the reliability at 0.95 and the attitude towards cervical cancer screening, which had a confidence value at 0.83. Data was analyzed by frequencies, percentages, means, and standard deviations using paired t-test and independent t-test statistics. The research results found that 1)After the experiment, the experimental group had higher average score of knowledge about cervical cancer, attitudes towards cervical cancer screening and receiving cervical cancer screening services than before the experiment. Also, there was a statistical significant difference at .05. 2) After the experiment, the experimental group had higher average score of knowledge about cervical cancer, attitudes towards cervical cancer screening and receiving cervical cancer screening services than the control group. Also, there was a statistical significant difference at .05. It would conclude that this program could increase knowledge level, and good attitude, which would affect women risk group to make decisions and receive cervical cancer screening services.
