DSpace Repository

ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของกลุ่มชายรักชาย

Show simple item record

dc.contributor.advisor จตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร
dc.contributor.advisor Jaturong Boonyarattanasoontorn
dc.contributor.author เมธัส ยกตรี
dc.contributor.author Methas Yoktri
dc.contributor.other Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Social Work and Social Welfare
dc.date.accessioned 2025-06-08T06:25:05Z
dc.date.available 2025-06-08T06:25:05Z
dc.date.issued 2009
dc.identifier.uri https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/3942
dc.description การศึกษาอิสระ (สส.ม.) (การบริหารสังคม) -- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 2551 en
dc.description.abstract การศึกษาเรื่อง “ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของกลุ่มชายรักชาย” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา รูปแบบการดำเนินชีวิต และความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของกลุ่มชายรักชาย การปรับตัวในชีวิตคู่ของ กลุ่มชายรักชาย ที่มีต่อครอบครัว สังคม และการทำงาน รวมทั้งปัญหา อุปสรรค ที่มีต่อความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของกลุ่มชายรักชาย และวิธีการแก้ไข เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพโดย ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเกย์ในลักษณะเกย์คิงและเกย์ควีน จำนวนทั้งหมด 5 คู่ พักอาศัย อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ประเด็นที่ศึกษาครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของกรณีศึกษาทั้ง5 คู่ ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา รูปแบบการดำเนินชีวิตแต่ละช่วงวัย การปรับตัว ตลอดจนปัญหา อุปสรรคที่มีต่อความสัมพันธ์ และเขาเหล่านั้นมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ผลการศึกษารูปแบบการดำเนินชีวิตคู่และความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของกลุ่มชายรักร่วมเพศ พบว่าวิธีการอบรมสั่งสอนของแต่ละครอบครัว สภาพแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่พฤติกรรม รักร่วมเพศชายหรือพฤติกรรมการแสดงออกไปในลักษณะของเพศหญิง โดยส่วนใหญ่จะเป็น การกระตุ้นจากสิ่งเร้าภายนอกให้มีการเปิดเผยตัวมากขึ้นเช่นการคบเพื่อนที่เป็นผู้หญิงหรือ มีลักษณะที่เหมือนกัน ส่วนการสนับสนุนให้บุคคลเหล่านี้กล้าแสดงออก ทำในสิ่งที่ตนเองสนใจ มีความถนัดเป็นพรสวรรค์ เป็นการทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในการเปิดเผยตนเอง และพัฒนาให้เขารับรู้และเข้าใจในตนเองมากขึ้น ไม่เก็บกดจนทำให้เกิดความเครียดนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ในสังคม ได้ในอนาคต ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่นั้น การตัดสินใจการใช้ชีวิตคู่แบบชายรักร่วมเพศ มาจาก 2 กรณีคือครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ได้มีแรงกดดันอะไรต่อบุคคลเหล่านี้ ว่าจะต้องเป็นผู้ชายแล้ว จำเป็นที่จะต้องแต่งงานกับผู้หญิง มีส่วนช่วยให้บุคคลเหล่านี้ดำเนินชีวิตตามที่ใจต้องการได้ ก็จะมี อิสระในการใช้ชีวิตคู่แต่ในครอบครัวที่มีการตีกรอบอย่างชัดเจนว่าจะต้องมีครอบครัว มีทายาท สืบสกุล ก็จะเป็นการปกปิดวิถีชีวิตคู่ขาดอิสระในการเปิดเผยตนเอง ส่วนความสัมพันธ์ฉันสามี ภรรยา โดยทั่วไปจะมีกิจกรรมทำร่วมกันเช่นทำอาหารด้วยกัน รับประทานอาหารร่วมกัน การไป ดูหนัง ฟังเพลงการเป็นที่ปรึกษาซึ่งกันและกัน การดูแลกันเหมือนเพื่อน ผลการศึกษาการปรับตัวในชีวิตคู่ของกลุ่มชายรักชายที่มีต่อครอบครัว สังคมและ การทำงาน พบว่า อันดับแรกทั้งคู่จะต้องมีการปรับตัวเข้าหากัน การพูดคุยกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทั้งคู่จะต้องมีความพอใจด้านความสัมพันธ์ทางเพศ กับคู่ของตนเป็นอย่างดี และมีกิจกรรมที่ต้อง ทำร่วมกัน อาศัยอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา เมื่อมีความเข้าใจกันการเปิดเผยต่อสังคมให้รับรู้เป็นสิ่งที่ จะกระทำต่อไป ซึ่งการเปิดเผยในระดับความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้น จะมีความแตกต่างกันเนื่องจาก พื้นฐานของสภาพจิตใจ ฐานะความเป็นอยู่ วุฒิภาวะด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม สำหรับ การเปิดเผยและการปรับตัวต่อครอบครัวเดิมนั้นมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่พาคู่ของตนไปรู้จักกับ ครอบครัวเดิมซึ่งใช้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ส่วนคนอื่น ๆ จะยังไม่พร้อมในการที่จะเปิดเผย ให้กับครอบครัวเดิมแตะจะแนะนำว่าเป็นเพื่อนสนิทเท่านั้น ผลการศึกษาปัญหา อุปสรรคที่มีต่อความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของกลุ่มชายรักชายและวิธีการ แก้ไข พบว่าปัญหาของบุคคลที่สามเป็นปัญหาหลักที่มีต่อความสัมพันธ์ ต่อมาเป็นปัญหา การปรับตัวระหว่างกัน และปัญหาการปรับตัวกับครอบครัวเดิม ตามลำดับ ซึ่งมีวิธีการแก้ไข โดยใช้หลักธรรมะยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ไม่ยึดติดกับสิ่งรอบกาย อยู่ในความพอดี เข้าใจธรรมชาติ ของมนุษย์ เมื่อมีปัญหาก็ให้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา อันจะทำให้ตนเองสามารถดำรงชีวิต ได้อย่างมีความสุข จากการศึกษาดังกล่าวผู้ศึกษามีข้อเสนอแนะว่าในระดับนโยบายกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ควรส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมกันในสังคมและสนับสนุนให้ได้รับ การดูแล ปกป้อง คุ้มครอง ฟื้นฟูและพัฒนา โดยให้ความรู้ ทักษะเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่เพื่อสร้าง ความตระหนักถึงข้อดีข้อเสีย ในการที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา อันจะเป็นประโยชน์ ต่อสังคม นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการควรเพิ่มหลักสูตรเพศศึกษาที่สอนให้รู้ว่าตนเอง เป็นเพศใด และเมื่อเป็นเพศนั้นแล้วควรมีการปฏิบัติอย่างไร และหากมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ แนวทางในการดำรงชีวิตควรจะเป็นอย่างไร ในระดับปฏิบัติพ่อแม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเพศ การเป็นรักร่วมเพศในเด็ก เพื่อที่จะได้เป็นที่ปรึกษาที่ดีแก่เด็กมีการพูดคุยกันอย่างประนีประนอม ให้อิสระทางด้านความคิด ความสามารถของเขาอย่างเต็มที่ ให้โอกาสให้เขาได้พูดในสิ่งที่เขาต้องการอยากจะบอกแต่ ไม่ได้บอก เพราะอาจจะเป็นความกดดันและเกิดปัญหาได้เช่นปัญหาการดำรงชีวิตในอนาคต บุคคลที่เป็นชายรักร่วมเพศควรศึกษาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ได้แก่เพศศึกษา การวางตัวในสังคม และครูอาจารย์ควรทำให้เขามีแนวทางในการประพฤติปฏิบัติในการดำรงชีวิต ได้อย่างเหมาะสม แต่ไม่ใช่การริดรอนสิทธิ์หรือการกดดัน บีบบังคับไม่ให้แสดงออกหรือพูด ในสิ่งที่เขาอยากจะพูด แต่ควรปรับความเข้าใจกัน พูดคุยกัน การตักเตือนให้อยู่ในขอบเขต ที่เหมาะสม และในการศึกษาครั้งต่อไปควรศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มตัวอย่าง เพราะกลุ่มชายรักร่วมเพศ มีวิถีชีวิตหลายรูปแบบ และศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายการรับรองการจดทะเบียนสมรสสำหรับ เพศเดียวกัน ว่ามีความเหมาะสมเพียงใด en
dc.language.iso th en
dc.publisher มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ en
dc.rights มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ en
dc.subject รักร่วมเพศชาย en
dc.subject Male Homosexuality en
dc.subject เพศสภาพ en
dc.subject Gender en
dc.subject รักร่วมเพศ en
dc.subject Homosexuality en
dc.subject เกย์ en
dc.subject Gay people en
dc.subject การปรับตัวทางสังคม en
dc.subject Social adjustment en
dc.subject ความรู้สึกเป็นตราบาป en
dc.subject Stigma (Social psychology) en
dc.title ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของกลุ่มชายรักชาย en
dc.title.alternative Relationship of Male Homosexuality en
dc.type Independent Studies en
dc.degree.name สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต en
dc.degree.level ปริญญาโท en
dc.degree.discipline การบริหารสังคม en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account