Abstract:
การจ้างแรงงานและสวัสดิการแรงงานในกิจการก่อสร้างแบบรับเหมาช่วง ในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ มีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาสภาพและเงื่อนไขในการจ้างแรงงานในกิจการก่อสร้าง 2) ศึกษาข้อจำกัดด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างแรงงานในกิจการก่อสร้าง 3) ศึกษาการคุ้มครองแรงงานในกิจการก่อสร้าง
กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้รับเหมาช่วง โดยใช้แบบสัมภาษณ์ จำนวน 25 คน และผู้ใช้แรงงานจำนวน 322 คน โดยใช้แบบสอบถาม ผลการวิจัยพบว่า ผู้รับเหมาช่วงส่วนใหญ่ เป็นเพศชายอายุระหว่าง 41-45 ปี สมรสแล้ว วุฒิการศึกษาจบชั้น ป.4 มาจากต่างจังหวัด รายได้ไม่พอใช้ และ ต้องกู้ยืม ประกอบอาชีพก่อสร้างมาแล้วระหว่าง 11-15 ปี เป็นผู้รับเหมาช่วงลำดับที่ 3-5 ไม่มีการทำสัญญาในการรับงาน และไม่ได้จดทะเบียนในการประกอบกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีลูกจ้างต่ำสุด 8 คน สูงสุด 70 คน ไม่มีการจัดทำทะเบียนลูกจ้างและไม่มีการทำสัญญาจ้างงานกัน ทั้งหมดระบุว่า จัดที่พักอาศัย ห้องน้ำ ห้องส้วม น้ำดื่ม และน้ำใช้ให้ ลูกจ้างออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเอง คิดค่าจ้างเป็นรายวัน พิจารณาจากฝีมือและความขยัน ไม่ได้ยึดกฎเกณฑ์อัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด ต่ำสุด 100 บาท สำหรับกรรมกร และสูงสุด 250 บาท สำหรับช่างฝีมือ โดยจ่ายให้เป็นงวดๆ ละ 15 วัน เกือบทั้งหมดระบุว่า ไม่เคยติดต่อประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และไม่เคยมีหน่วยงานของรัฐลงไปติดตามตรวจสอบดูแล สำหรับปัญหา อุปสรรค ส่วนใหญ่ระบุว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับการถูกเอาเปรียบ และบิดพลิ้ว การจ่ายเงินจากผู้รับเหมารายใหญ่ รวมทั้งช่างฝีมือส่วนใหญ่ยังมีทักษะไม่ดีพอ และไมได้มาตรฐาน โดยเสนอแนะให้มีกฎหมายสำหรับควบคุมกิจการก่อสร้างโดยเฉพาะ และเสนอให้มีการสร้างและออกวุฒิบัตรให้แก่ช่างฝีมือต่างๆ เพื่อเป็นมาตรฐานในการจ้างและกำหนดค่าจ้าง สำหรับผู้ใช้แรงงาน พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 21-30 ปี สมรสแล้ว วุฒิการศึกษาจบชั้น ป.6 ภูมิลำเนาเดิมอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอยู่ในเขตชนบท อาชีพหลักเกษตรกรรม อาชีพเสริมรับจ้าง มีรายได้ไม่เพียงพอและต้องกู้ยืม อาศัยอยู่กับบิดามารดา มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนระหว่าง 4-6 คน และไม่มีบุตร เข้ามาทำงานโดยเพื่อนแนะนำ รับจ้างทำงานอยู่ระหว่าง 10 เดือนขึ้นไปตลอดทั้งปี ตำแหน่งงานที่ทำเป็นกรรมการ นำสมาชิกในครอบครัวเข้ามาอยู่ด้วย มีนายจ้างที่เคยรับจ้างในปี พ.ศ. 2540 และในปี พ.ศ. 2539 มากกว่า 3 รายขึ้นไป ไม่ได้ทำสัญญากับนายจ้าง ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขในการจ้างงานกับนายจ้างและต้องทำงานทุกวันในแต่ละสัปดาห์ ส่วนใหญ่นายจ้างจัดที่พักอาศัยให้ แต่ต้องจัดหาอาหารเอง ค่ารักษาพยาบาล (กรณีไม่ได้เจ็บป่วยจากการทำงาน) นายจ้างจ่ายให้ก่อนแต่หักจากค่าจ้างใกล้เคียงกับต้องจ่ายเอง ค่ารักษาพยาบาล (กรณีเจ็บป่วยจากการทำงาน) นายจ้างไม่จ่ายให้ วันหยุดไม่จ่ายค่าจ้าง จัดห้องน้ำ ห้องส้วมให้ จัดซื้อน้ำดื่มน้ำใช้ให้ ไม่จัดอุปกรณ์สำรหับเล่นกีฬาหรือเพื่อพักผ่อนหย่อนใจให้ คิดค่าจ้างให้เป็นรายวัน ไม่ได้รับค่าจ้างล่วงเวลา และมีรายได้จากค่าจ้างไม่เพียงพอ และต้องกู้ยืมใกล้เคียงกับไม่เพียงพอ