Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาทัศนคติที่มีต่องานสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนและเพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตการทำงานของเจ้าพนักงานสอบสวน รวมทั้งเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล คุณภาพชีวิตการทำงานและทัศนคติต่องานสอบสวนของพนักงานสอบสวน โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 151 คน จากสถานีตำรวจ 12 แห่ง โดยใช้แบบวัดในแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทัศนคติต่องาน ข้อมูลความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตการทำงาน เมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลครบถ้วน จึงนำมาประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS/PC เพื่อศึกษาระดับทัศนคติต่องาน ระดับความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานสอบสวนโดยใช้ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับทัศนคติต่องานและความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติต่องานกับความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตการทำงาน โดยใช้ค่าสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวน ซึ่งการศึกษา พบว่า ประชาชนกลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่มีระดับชั้นยศพันตำรวจตรี มีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 38.4 ปี ส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยมีรายได้ต่อเดือนระดับปานกลางเฉลี่ยเท่ากับ 12,355.06 บาท ส่วนใหญ่มีรายได้เสริมจากแหล่งอื่นๆ ประมาณเดือนละ 10,000-20,000 บาท ส่วนใหญ่พนักงานสอบสวนมีสถานภาพสมรสแล้ว กลุ่มตัวอย่างมีจำนวนชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์โดยเฉลี่ยประมาณ 40-49 ชั่วโมง มีจำนวนคดีอาญาที่รับผิดชอบต่อเดือนเฉลี่ย 25.7 คดี และส่วนใหญ่มีอาชีพเสริมคือ ค้าขาย และส่วนใหญ่มีระดับภาระหนี้สินต่อเดือนประมาณเดือนละ 10,001-20,000 บาท และมีจำนวนคนที่ต้องรับภาระเลี้ยงดูให้เงิน เฉลี่ย 2 คน
การวัดระดับทัศนคติต่องานของพนักงานสอบสวน พบว่า ระดับทัศนคติของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีต่องานพนักงานสอบสวนโดยรวมนั้นอยู่ในระดับปานกลาง โดยเรียงลำดับระดับทัศนคติต่องานรายด้านได้จากมากไปน้อย คือ ทัศนคติต่องานด้านระเบียบวินัยในการทำงาน ทัศนคติต่องานด้านการสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน ทัศนคติต่องานด้านศักยภาพและบทบาทงาน ทัศนคติต่องานด้านระบบงาน และทัศนคติต่องานด้านปริมาณงาน
การวัดระดับความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานสอบสวนโดยรวมนั้นอยู่ในระดับต่ำ โดยพนักงานสอบสวนมีความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตด้านบูรณาการทางสังคมสูงสุด และมีความพึงพอใจในด้านความก้าวหน้าและความมั่นคงในการทำงานต่ำที่สุด ส่วนการวิเคราะห์ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับทัศนคติต่องาน พบความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยส่วนบุคคลด้าน ระดับชั้นยศ ระยะเวลารับราชการ ระดับรายได้ ระดับการศึกษาและอาชีพเสริมกับทัศนคติต่องาน และในการวิเคราะห์ความแปรปรวนระหว่างทัศนคติต่องานกับความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตการทำงาน พบความสัมพันธ์ระหว่าง ทัศนคติด้านปริมาณงาน ด้านระเบียบวินัยในการทำงาน ด้านศักยภาพและบทบาทงาน และด้านประสิทธิภาพในงาน ที่มีอิทธิพลความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตการทำงาน
ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะหน่วยงานสำนักงานตำรวจ ควรให้ความสำคัญกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตำแหน่งพนักงานสอบสวนให้มากขึ้น โดยเพิ่มโอกาสในการศึกษาอบรมทักษะความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านระเบียบปฏิบัติ ความรู้ด้านกฎหมายใหม่ๆ หน่วยงานควรจัดงบประมาณพัฒนาปรับปรุงสถานีตำรวจ ให้มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนที่มาติดต่อราชการ รวมทั้งการจัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์ต่างๆ ที่จำเป็นแก่พนักงานสอบสวน และเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานควรพิจารณาเพิ่มสวัสดิการการทำงานให้พนักงานสอบสวน เพื่อเป้นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ควรพิจารณาหาแนวทางพัฒนาปรับปรุงการพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนยศตำแหน่งให้โปร่งใส และเท่าเทียมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกสายงานด้วย