Please use this identifier to cite or link to this item: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1371
Title: รายงานวิจัย ภาวะการมีงานทำและความพึงพอใจของผู้บังคับบัญชาของบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ปีการศึกษา 2558
Other Titles: ภาวะการมีงานทำและความพึงพอใจของผู้บังคับบัญชาของบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ปีการศึกษา 2558
Authors: ศิริพร เกื้อกูลนุรักษ์
Siriporn Kaukulnuruk
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Social Work and Social Welfare
Keywords: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม -- บัณฑิต -- การจ้างงาน
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Social Work and Social Welfare -- College students -- Employment
บัณฑิต -- การจ้างงาน
College graduates – Employment
การสำรวจทัศนคติของนายจ้าง
Employer attitude surveys
สังคมสงเคราะห์
Social welfare
การมีงานทำ
Issue Date: 2015
Publisher: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
Abstract: การวิจัยเรื่อง ภาวะการมีงานทำของบัณฑิตและความพึงพอใจของผู้บังคับบัญชาของบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ปีการศึกษา 2558 มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาภาวะการมีงานทำและการศึกษาต่อของบัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2557 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บังคับบัญชา/นายจ้างที่มีต่อบัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม โดยทำการสำรวจจากกลุ่มประชากรจำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่ บัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคมที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2557 จำนวน 101 คน ได้รับแบบสอบถามกลับคืนจำนวน 96 คน คิดเป็นร้อยละ 95.0 และผู้บังคับบัญชา/นายจ้างของบัณฑิต จำนวน 85 คน ได้รับแบบสอบถามกลับคืนจำนวน 52 คน คิดเป็นร้อยละ 61.2 ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้1) ภาวะการมีงานทำและการศึกษาต่อของบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม กลุ่มตัวอย่างบัณฑิต ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 82.3) อายุ 23 ปีมากที่สุด (ร้อยละ 44.8) มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากที่สุด (ร้อยละ 25.0) และบัณฑิตส่วนใหญ่สามารถสำเร็จการศึกษาตามระยะเวลาของหลักสูตร 4 ปี (ร้อยละ 80.2) ในขณะที่ทำการสำรวจบัณฑิตส่วนใหญ่มีงานทำแล้ว (ร้อยละ 88.6) บัณฑิตที่มีงานทำส่วนใหญ่ทำงานโดยไม่ได้ศึกษาต่อ (ร้อยละ 97.6) ด้านความต้องการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น พบว่า ส่วนใหญ่ไม่ต้องการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น (ร้อยละ 63.5) บัณฑิตส่วนใหญ่ได้งานทำภายหลังสำเร็จการศึกษา 1-3 เดือน (ร้อยละ 52.0) ด้านการเปลี่ยนงานภายในระยะเวลา 1 ปี พบว่า ส่วนใหญ่ไม่เคยเปลี่ยนงานหลังจากได้งานทำครั้งแรกมาแล้ว (ร้อยละ 63.5) รองลงมา คือ เปลี่ยนงานมาแล้ว 1 ครั้ง (ร้อยละ 19.8) และเปลี่ยนงานมาแล้ว 2 ครั้ง (ร้อยละ 7.3) บัณฑิตที่มีงานทำส่วนใหญ่ทำงานในหน่วยงานราชการ (ร้อยละ 60.0) ที่ตั้งของหน่วยงานอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล (ร้อยละ 77.6) ส่วนใหญ่ทำงานในตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์/ผู้ช่วยนักสังคมสงเคราะห์ (ร้อยละ 50.6) ได้รับเงินเดือน 14,001-16,000 บาท (ร้อยละ 50.6) ทำงานที่เกี่ยวข้องกับสังคมสงเคราะห์/สวัสดิการสังคม (ร้อยละ 56.5) ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจกับงานที่ทำในปัจจุบันมาก (ร้อยละ 64.7) และบัณฑิตได้นำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้มาก (ร้อยละ 48.2) บัณฑิตมีความพึงพอใจต่อคุณลักษณะและความสามารถในการทำงานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติในภาพรวมทั้ง 6 ด้าน อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก (x̄=3.86) และผลการพัฒนาคุณลักษณะพิเศษของบัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคมในภาพรวม อยู่ในระดับมาก (x̄=4.17) เมื่อพิจารณาผลการประเมินของบัณฑิตที่มีต่อคุณลักษณะและความสามารถในการทำงานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พบว่า ค่าเฉลี่ยคุณลักษณะของบัณฑิตเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่ (1) ด้านคุณธรรม จริยธรรม (x̄=4.26) (2) ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (x̄=3.97) (3) ด้านทักษะทางปัญญา (x̄=3.84) 4) ด้านความรู้ (x̄=3.81) 5) ด้านทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพ (x̄=3.75) และ 6) ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (x̄=3.57) บัณฑิตประเมินความสามารถในการทำงานด้านคุณลักษณะพิเศษของบัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม อยู่ในระดับมาก (x̄=4.17) เมื่อพิจารณาคุณลักษณะย่อยเรียงตามลำดับค่าเฉลี่ย 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1) สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ (x̄=4.43) 2) มีจิตอาสา (x̄=4.34) และ 3) ปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ (x̄=4.26) บัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ประเมินคุณลักษณะที่เป็นจุดเด่น/จุดแข็ง ได้แก่ ด้านคุณธรรมจริยธรรม (ร้อยละ 37.5) และคุณลักษณะที่ควรปรับปรุง คือ ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ร้อยละ 57.3)2. ความพึงพอใจของผู้บังคับบัญชา/นายจ้างของบัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ผู้บังคับบัญชา/นายจ้างที่ทำการประเมินบัณฑิต ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 78.8) ตำแหน่งงานเป็นผู้บริหารระดับกลาง/ผู้จัดการ (ร้อยละ 63.5) ทำงานในหน่วยงานราชการ (ร้อยละ 75.0) และมีระยะเวลาที่ได้ร่วมงานกับบัณฑิตมากกว่า 3 เดือน-6 เดือน (ร้อยละ 51.9) ผู้บังคับบัญชาก/นายจ้าง มีความพึงพอใจต่อคุณลักษณะและความสามารถของบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (Thai Qualification Framework for Higher Education: TQF) ในภาพรวมทั้ง 6 ด้านอยู่ในระดับพึงพอใจมาก (x̄=3.85) โดยด้านที่ผู้ใช้บัณฑิตมีความพึงพอใจมากที่สุด คือ ด้านคุณธรรมจริยธรรม (x̄=3.85) โดยด้านที่ผู้ใช้บัณฑิตมีความพึงพอใจมากที่สุด คือ ด้านคุณธรรมจริยธรรม (x̄=4.33) รองลงมา คือ ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (x̄=4.04) ด้านทักษะทางปัญญา (x̄=3.79) ด้านความรู้ (x̄=3.70) ด้านทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพ (x̄=3.66) และด้านการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (x̄=3.57) เรียงตามลำดับ ผลการพัฒนาคุณลักษณะพิเศษของบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม พบว่า ผู้บังคับบัญชา/นายจ้างมีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄=4.03) โดยคุณลักษณะพิเศษของบัณฑิตที่ผู้บังคับบัญชา/นายจ้างมีความพึงพอใจสูงสุดมี 2 ด้าน คือ สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมีจิตอาสา (x̄=4.65) นอกจากนี้ผู้บังคับบัญชา/นายจ้างของบัณฑิตประเมินว่า บัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม มีคุณลักษณะที่เป็นจุดเด่น/จุดแข็ง คือ ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (ร้อยละ 63.50) และคุณลักษณะที่ควรปรับปรุง คือ ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ร้อยละ 50.00)
URI: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1371
Appears in Collections:Social Work and Social Welfare - Research Reports

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Siriporn-2558.pdf27.31 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.