Please use this identifier to cite or link to this item: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/2045
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorธนาชัย สุนทรอนันตชัย-
dc.contributor.authorปกรณ์ ปาลวงษ์พานิช-
dc.contributor.authorกษมา สุขนิวัฒน์ชัย-
dc.contributor.authorThanachai Suntonanantachai-
dc.contributor.authorPakorn Palawongpanich-
dc.contributor.authorKasama Sukniwatchai-
dc.contributor.otherHuachiew Chalermprakiet University. Faculty of Lawth
dc.contributor.otherBangkok University. School of Lawth
dc.contributor.otherOffice of the Council of Stateth
dc.date.accessioned2024-04-14T11:20:09Z-
dc.date.available2024-04-14T11:20:09Z-
dc.date.issued2019-
dc.identifier.urihttps://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/2045-
dc.descriptionContent: แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับ สิทธิเสรีภาพ ความเป็นพลเมือง และหน้าที่พลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย -- รูปแบบของการกำหนดหน้าที่พลเมืองขั้นพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับสิทธิเสรีภาพทั้งในประเทศ และต่างประเทศ -- การวิเคราะห์ผลการศึกษาวิจัย -- สรุปผลการศึกษาวิจัย และข้อเสนอแนะth
dc.descriptionสามารถเข้าถึงรายงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ https://www.kpi-lib.com/flippdf/kpiebook62006/kpiebook62006.html-
dc.descriptionเสนอต่อ สถาบันพระปกเกล้า-
dc.description.abstractการศึกษาวิจัยนี้ เป็นการศึกษาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเสนอแนะกลไกทางกฎหมายที่เสริมสร้างความเป็นพลเมือง เพื่อทำหน้าที่พลเมืองในขอบเขตตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ศึกษาและเสนอแนะกลไกลและมาตรการเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการทำหน้าที่พลเมืองกับการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยใช้วิธีการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพจากการศึกษาวิจัยเอกสาร โดยผลการศึกษาวิจัยพบว่า 1. กรอบความเป็นพลเมือง 6 ประการ อันได้แก่ รับผิดชอบตนเองและพึ่งตนเองได้ เคารพหลักความเสมอภาค เคารพความแตกต่าง เคารพสิทธิผู้อื่น เคารพกติกา และรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม ส่วนใหญ่มีการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แล้ว เว้นแต่การเคารพหลักความเสมอภาค ไม่ได้มีการบัญญัติไว้เป็นหน้าที่พลเมือง มีเพียงกำหนดให้เป็นสิทธิของบุคคลที่รัฐ และหน่วยงานของรัฐต้องเคารพเท่านั้น 2. รูปแบบของการกำหนดหน้าที่พลเมืองขั้นพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับสิทธิเสรีภาพในประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศพบว่ามีแตกต่างกันอันเนื่องมาจากภูมิหลังและความเป็นมาของแต่ละประเทศ การมีองค์กรที่ทำหน้าที่ด้านการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองโดยเฉพาะ และหลักสูตรกระบวนการจัดการเรียนการสอนหน้าที่พลเมือง เมื่อพิจารณาถึง “ค่านิยม” ที่ส่งผลต่อของความเป็นพลเมืองในประเทศต่าง ๆ พบว่า มี “ค่านิยมรวม” ที่คล้ายคลึงกันหลายประการ กล่าวคือ การมีความตื่นรู้ ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม การเคารพสิทธิของผู้อื่น และการยอมรับความแตกต่าง สำหรับ “ค่านิยมต่าง” ที่พบในบางประเทศ เช่น การยอมรับในพหุวัฒนธรรม การให้ความสำคัญในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ศีลธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นต้น 3. การกำหนดตัวแบบการทำหน้าที่พลเมืองที่ทำให้การเรียกร้องสิทธิเสรีภาพมีความหมาย ในแง่ระบบและกลไกระดับประเทศ ได้แก่ สถาบันการเมืองการปกครอง พรรคการเมือง หน่วยงาน องค์กร ภาครัฐ องค์กรธุรกิจเอกชน องค์กรไม่แสวงหากำไร สื่อมวลช ส่วนระบบและกลไกระดับท้องถิ่น ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา เมื่อพิจารณาถึงหลักสูตรการจัดการศึกษาพบว่า ต้องครอบคลุมทั้งจัดการศึกษาในโรงเรียน/สถาบันการศึกษา และนอกโรงเรียน/สถาบันการศึกษา โดยมีปัจจัยเงื่อนไขที่ทำให้ตัวแบบข้างต้นอาจะเป็นรูปแบบที่ประสบความสำเร็จก็ได้ กล่าวคือ 1) พลเมืองมีความรู้ ความเข้าใจในระบบการเมืองการปกครอง และมีความตื่นรู้ 2) มีองค์กรหน่วยงานขึ้นรับผิดชอบด้านการศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองเป็นภารเฉพาะ 3) ผู้จัดการศึกษา ครูและผู้บริหารสถานศึกษาตระหนักในหน้าที่ของความเป็นพลเมือง รวมถึงมีองค์ความรู้ในกระบวนการจัดการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง 4) ชุมชนและท้องถิ่นให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง และ 5) ภาครัฐต้องสนับสนุนพรรคการเมืองหรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งเสริมความเป็นพลเมือง 4. กลไกที่ทำให้เกิดการทำหน้าที่พลเมืองที่หนุนเสริมการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบด้วย กลไกภาครัฐและภาคเอกชน ที่ทำหน้าที่จัดการศึกษาในระบบ กลไกภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และครอบครัวที่ทำหน้าที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และกลไกสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย ทั้งนี้ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะเป็นมาตรการและกลไกทางนโยบายหลายประการ กล่าวคือ 1) ควรส่งเสริมให้มี “ศูนย์กลางศึกษาทางการเมือง” ของรัฐหรือเอกชน 2) รัฐต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับ “การเมืองภาคพลเมือง” ที่พัฒนามาจากความเป็นพลเมืองผู้ตื่นรู้ที่รวมตัวกัน พึงส่งเสริมให้เกิดการสื่อสารสาธารณะ มีกลไกส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกัน และเกิดกระบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social movement) ได้ โดยรัฐไม่ปิดกั้น ตลอนจนส่งเสริมความรู้และสร้างกลไกในการต่อต้านการทุจริตโดยทั่วไป เพื่อช่วยกันชี้เบาะแสการทุจริตที่เกิดขึ้นในสังคม 3) ส่งเสริมให้ส่วนราชการต้องบริการงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่อง 4) ทบทวนและกำหนดเป้าหมายของความเป็นพลเมืองไทยที่ชัดเจน สามารถปฏิบัติได้ 5) สนับสนุนให้สื่อมวลชนสื่อสารข้อมูลข่าวสารสาธารณะที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเสริมสร้างความเป็นพลเมือง 6) ส่งเสริมให้ส่วนราชการทำงานร่วมกับภาคประชาสังคม และชุมชนเพิ่มมากขึ้น 7) สร้างพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสร่วมคิด วิเคราะห์ วิพากย์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นรวมถึงนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และ 8) ปรับปรุงด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนในระบบ ผู้วิจัยเห็นว่าควรมีมาตรการและกลไกทางกฎหมายบางประการที่ออกมาเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการทำหน้าที่ของพลเมืองในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ได้แก่ 1. เพื่อให้มาตรา 51 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สามารถเกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ควรต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 45 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 โดยการลดระยะเวลาและขั้นตอนที่ประชาชนต้องดำเนินการให้น้อยลง และเพิ่มสภาพบังคับให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการหรือปฏิบัติเพื่อให้ประชาชนหรือชุมชนได้ประโยชน์ในสิทธิเสรีภาพของตน 2. รัฐควรมีบทบาทในการสนับสนุนการเมืองภาคพลเมือง โดยการสนับสนุนให้มีการจัดตั้งองค์กรที่มีหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ หรือสร้างความตื่นตัวให้แก่ประชาชนในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของประชาชน โดยอาจเป็นการจัดตั้งในรูปของกองทุนหรือมูลนิธิที่ให้ประชาชนเข้ามามีบทบาทในการดำเนินการ จึงสมครมีกฎหมายรองรับการจัดตั้งองค์กรทางการเมืองภาคพลเมืองดังกล่าว 3. ควรมีการทบทวนมาตรการและกลไกทางกฎหมายที่มีอยู่ที่ใช้ในการตรวจสอบการใช้งบประมาณของพรรคการเมืองที่ได้รับอุดหนุนจากรัฐ ควรจะมีมาตรการทางกฎหมายเชิงลงโทษในการปรับพรรคการเมืองและ/หรือ กรรมการบริหารพรรคการเมือง นอกจากนั้น ควรมีมาตรการและกลไกในการส่งเสริมให้ภาคประชาชนสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของพรรคการเมืองได้ด้วย 4. ควรมีมาตรการและกลไกทางกฎหมายที่ส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมคิดและนำเสนอนโยบายในเวทีสาธารณะได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ-
dc.description.sponsorshipรายงานวิจัยได้รับทุนสนับสนุนจากสถาบันพระปกเกล้า โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมทางกฎหมายแก่ประชาชน ประจำปีงบประมาณ 2562th
dc.language.isothth
dc.publisherสถาบันพระปกเกล้าth
dc.subjectหน้าที่พลเมือง -- ไทยth
dc.subjectCivics, Thaith
dc.subjectรัฐธรรมนูญ -- ไทย -- 2560th
dc.subjectConstitution -- Thailandth
dc.subjectความเสมอภาค -- ไทยth
dc.subjectสิทธิทางสังคม -- ไทยth
dc.subjectSocial right -- Thailandth
dc.titleหน้าที่ของพลเมืองกับการเสริมสร้างสิทธิเสรีภาพสู่ความเป็นพลเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560th
dc.typeTechnical Reportth
Appears in Collections:Law - Research Reports

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Equality.pdf81.43 kBAdobe PDFView/Open
Civics-Thai-Social-right-Thailand.pdf
  Restricted Access
4.19 MBAdobe PDFView/Open Request a copy


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.