ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วยในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

Abstract

เบาหวานและความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่มักเกิดร่วมกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดมากยิ่งขึ้น ผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วยมักพบร่วมกับความผิดปกติของไขมันในเลือดและความยาวเส้นรอบเอวเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งความผิดปกติดังกล่าวเป็นองค์ประกอบของภาวะเมแทบอลิกซินโดรม การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดและปัจจัยที่สัมพันธ์กับระดับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานร่วมกับโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่มีประวัติการป่วยโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยเก็บข้อมูลที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รวบรวมข้อมูลและผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจากการตรวจสุขภาพประจำปี และประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยใช้ Thai CV Risk Score มีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์จำนวน 190 ราย เป็นเพศหญิง 127 ราย (ร้อยละ 66.8) ร้อยละ 65.8 ของผู้ป่วยทั้งหมดมีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพศชายมีการสูบบุหรี่และมีระดับ high-density lipoprotein cholesterol ต่ำกว่าเกณฑ์ที่เหมาะสมในสัดส่วนที่มากกว่าเพศหญิงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยร้อยละ 39.4 ของผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วยมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในระดับสูงขึ้นไป (ความเสี่ยงร้อยละ 20 ขึ้นไป) และร้อยละ 79.5 มีภาวะเมแทบอลิกซินโดรมร่วมด้วย นอกจากนี้ พบว่าเพศชายมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในระดับสูงขึ้นไปมากกว่าเพศหญิง (OR=2.23, 95%CI=1.2-4.1, p=0.016) ผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในระดับสูงขึ้นไปมากกว่ากลุ่มอายุน้อยกว่า 60 ปี (OR=12.12, 95%CI=4.9-30.1,p<0.001) การศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วยมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในระดับสูงขึ้นไป โดยเฉพาะเพศชายและผู้สูงอายุเป็นปัจจัยที่สัมพันธ์กับระดับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

Diabetes mellitus and hypertension frequently occur together, which greatly increases the risk of cardiovascular disease. Diabetic patients with hypertension often have dyslipidemia and a waist circumference exceeding the norm. These abnormalities are components of ametabolic syndrome. The objectives of this study were to explore cardiovascular risk levels and associated factors in patients with concurrent Diabetes mellitus and hypertension without prior cardiovascular disease. The collected data from subjects who attended their annual health check-up at Bang Chalong Subdistrict Health Promotion Hospital, Bang Phli District in Samutprakarn Province. The cardiovascular risk level was determined by the Thai CV Risk Score. The results found that there were 190 eligible patients, 127 patients were females (66.8%), and 65.8% of all patients were aged 60years old or over. The male patients who smoked had low levels of high-density lipoprotein cholesterol at a significantly higher proportion than female patients. Furthermore, 39.4% of patients with coexisting Diabetes mellitus and hypertension had a cardiovascular risk level > 20% or higher, and 79.5% had a metabolic syndrome. In addition, men were found to have a higher level of cardiovascular risk than women (OR=2.23, 95%CI=1.2-4.1,p=0.016), and patients aged 60 years old or over had a higher level of cardiovascular risk than those under 60 years old (OR=12.12, 95%CI=4.9-30.1, p<0.001). In conclusion, this study found more than one third of patients with concurrent diabetes mellitus and hypertension had higher cardiovascular risk levels. In particular, cardiovascular risk was significantly increased among elderly men.