ระดับเสียงและแผนผังแสดงระดับเสียงในกระบวนการผลิตของโรงงานผลิตกระป๋องบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม จังหวัดสมุทรปราการ

Abstract

การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินระดับเสียงดังในสภาพแวดล้อมการทำงาน จัดทำแผนที่เส้นเสียงในกระบวนการผลิตกระป๋อง และกำหนดการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงอย่างเหมาะสม โดยทำการตรวจวัดระดับเสียงในอาคารการผลิตที่ 1 และ 2 มีจำนวนจุดตรวจวัดทั้งสิ้น 1,809 และ 1,140 จุด ตามลำดับ และประกอบด้วย 12 แผนก ได้แก่ แผนกบริการทั่วไป (general) แผนกบรรจุภัณฑ์อาหารแห้ง (dry food) แผนกผลิตฝาและก้นกระป๋องสเปรย์ (Canister lid and bottom) แผนกผลิตฝา ก้น และห่วงของกระป๋อง (Canister Lid Bottom and Loop) แผนกผลิตกระป๋องสเปรย์ (Canned Spray) แผนกกรรไกร (Cutting) แผนกอัดลม (Check for leaks by pressure) และพื้นที่ปฏิบัติงาน (workshop) แผนกข้อเสือ (Clamp) สำนักงานการผลิต (Office) แผนกตัดแบบเฉือนเลื่อย (Scroll Shear) และแผนกเตรียมวัตถุดิบ (material) โดยใช้เครื่องวัดระดับเสียง Sound level meter ที่ได้มาตรฐาน IEC 61672-1: 2013/2002 type 2 ตามมาตรฐานของ American National Standard Institute (ANSI) และนำผลการตรวจวัดระดับเสียงมาจัดทำแผนที่เส้นเสียง (Noise Contour Map) ด้วยโปรแกรม SURFUR 13 (trial และผลคำนวณหาค่าระดับเสียงที่สัมผัสในหูเมื่อสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียง (Protected sound dBA) มาใช้กำหนดการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงที่เหมาะสม ผลการศึกษา พบว่า อาคารการผลิตที่ 1 และ 2 มีค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับเสียงในสภาพแวดล้อมการทำงานเท่ากับ 87.80±4.00 และ 87.89±2.79 ตามลำดับ โดยมีค่าระดับเสียงอยู่ระหว่าง 60.60-101.20 และ 79.30-98.40 dB(A) ตามลำดับ เมื่อพิจารณาระดับเสียงจำแนกรายแผนก พบว่ามีเพียงพื้นที่สำนักงานการผลิตเท่านั้นที่มีค่าเฉลี่ยของระดับเสียงไม่เกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดเท่ากับ 85 dB(A) แต่แผนกที่เหลือมีค่าเฉลี่ยของระดับเสียงเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้แผนกผลิตฝา ก้น และห่วงของกระป๋อง แผนกฝาและก้นของกระป๋องสเปรย์ และแผนกข้อเสือ เป็นพื้นที่ที่มีค่าเฉลี่ยของระดับเสียงสูงเป็นสามอันดับแรกคือเท่ากับ 90.47±3.37 94.67±3.73 และ 88.84±2.58 dB(A) ตามลำดับ ผลการประเมินพบว่ามีจำนวนจุดตรวจวัดที่มีระดับเสียงเกินค่ามาตรฐาน 85 เดซิเบล (เอ) ที่กฎหมายกำหนดคิดเป็นร้อยละ 76.38 และ 83.18 ตามลำดับ สำหรับผลการจัดทำแผนผังแสดงระดับเสียงพบว่า อาคารการผลิตที่ 1 มีระดับเสียงสามารถแบ่งได้ 3 ระดับคือ 59-85 85-95 และ 95-103 dB(A) ในส่วนของอาคารการผลิตที่ 2 มีระดับเสียงสามารถแบ่งได้ 3 ระดับคือ 65-85 85-90 และ 90-100 dB(A) ดังนั้นทั้ง 12 แผนกของอาคารการผลิตทั้งสองพบว่ามีเพียงพื้นที่สำนักงานการผลิตที่ควรกำหนดให้สวมใส่ ear plug และที่เหลือควรกำหนดสวมใส่ ear muff เนื่องจากมีค่าระดับเสียงที่ได้ยินเมื่อสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียง (Protected sound dBA) ไม่เกิน 85 dB(A) ตามที่กฎหมายกำหนด

This study was a cross-sectional study. The purposes of this study were to evaluate the sound level in the working environment, establish noise contour map of in in process of the canned manufacturing industry and define the proper wear personal protection equipment of sound. With sound level measurement in the production building no. 1 and no. 2 which have coordinated 1,809 and 1,140 points respectively. These building consisting of 12 departments, including general, dry food packaging, canister lid and bottom, canister lid bottom and loop, canned spray, cutting, check for leaks by pressure, workshop, clamp, office, scroll shear and material preparing process. The noise emitted by the process was obtained using a digital sound level meter (standard IEC 651: 1979 type 3, ANSI). The noise contour maps, establish with the SURFUR 13 (trial) program, and the result of calculating the Protected Sound Level were prepared and used to suggest the areas that workers should wear personal protective equipment (PPE). The study conducted between January and May 2018. The results of this study showed that the building no. 1 and building no. 2 have the mean and standard deviation of the sound level in the working environment equal to 87.80±4.00 and 87.89±2.79 respectively. The sound level of each building has value between 60.60-101.20 and 79.30-98.40 dB(A) respectively. When considering the sound level, classified by department It was found that only the production office area had an average sound level of not more than 85 dB(A), but the remaining departments had an average level of noise that exceeded the legal standards. In addition, the canister lid and bottom, canister lid bottom and loop and mechanical press were the area that has the highest sound level average of three ordlinal level, equal to 90.47 ± 3.37 94.67 ± 3.73 and 88.84 ± 2.58 dB (A) respectively. The evaluation of sound level of production building no. 1 and no. 2 showed that with points of the sound level exceeding the standard value of 85 dB(A) that the law requires 76.38 percent and 83.18 percent respectively. The results of the noise contour map showed that production building no. 1 has a sound level, can be divided into 3 levels, 59-85, 85-95 and 95-103 dB (A). In the production building no. 2, the sound level can be divided into 3 levels, 65-85 85-90 and 90-100 dB (A). Therefore, all 12 departments of both production buildings found that only the production office area should be defined to wear the ear plug and the remaining should be defined to wear ear muff because of there is a sound level that is heard when wearing sound protection equipment, no more than 85 dB (A) as required by law.