ฤทธิ์ของโซเดียมไนไตรท์ต่อค่าพารามิเตอร์ทางโลหิตวิทยา เมทฮีโมโกลบิน และความเปราะของเม็ดเลือดแดงในหลอดทดลอง

Abstract

หลายการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการสูดดมละอองฝอยของโซเดียมไนไตรท์มีผลทำาให้เกิดการสร้างไนตริกออกไซด์ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดและสามารถลดความดันเลือดในปอดได้ ไนไตรท์บางส่วนที่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นไนตริกออกไซด์จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดซึ่งจะไปมีผลกระทบโดยตรงต่อเม็ดเลือดแดง การศึกษานี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินฤทธิ์ของโซเดียมไนไตรท์ต่อค่าพารามิเตอร์ทางโลหิตวิทยา เมทฮีโมโกลบิน และความ เปราะของเม็ดเลือดแดง ซึ่งทำการศึกษาโดยนำเลือดจากอาสาสมัครสุขภาพดีจำนวน 30 ราย ไปบ่มกับสารละลาย โซเดียมไนไตรท์ความเข้มสุดท้าย 1, 2, 4, 8 และ 16 µM ที่ 37 oC นาน 30 นาที จากนั้นจึงนำมาวัดค่าต่าง ๆ ผลการศึกษาพบว่าไนไตรท์ที่ความเข้มข้น 1, 2, 4, 8 และ 16 µM ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงค่าพารามิเตอร์ทาง โลหิตวิทยา และความเปราะของเม็ดเลือดแดง แต่มีผลทำให้ค่าเมทฮีโมโกลบินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ดังนั้น การนำไนไตรท์มาใช้ในทางคลินิกควรมีการติดตามวัดระดับของค่าเมทฮีโมโกลบินอยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะขาดออกซิเจน

Several studies showed that inhaling sodium nitrite could induce nitric oxide formation, which can cause vasodilation and lower blood pressure in lungs. Remaining nitrite that is not converted to nitric oxide is absorbed from lungs into systemic circulation which directly impact red blood cells. This study aimed to evaluate the effect of sodium nitrite on hematological parameters, methemoglobin level and erythrocyte osmotic fragility. Blood sample collected from 30 heathy subjects were incubated with sodium nitrite at final concentrations of 1, 2, 4, 8 and 16 µM at 37 oC for 30 minutes. Then hematological parameters, methemoglobin level and erythrocyte osmotic fragility were measured. The results showed that nitrite at concentrations of 1, 2, 4, 8 and 16 µM did not cause an effect on hematological parameters and erythrocyte fragility. However, all nitrite concentrations caused an increase in methemoglobin levels significantly (p < 0.05). Therefore, if sodium nitrite needs to be used clinically, methemoglobin should be checked routinely in order to prevent hypoxia.