ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมในการป้องกันอัคคีภัยของร้านอาหารรอบ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

Abstract

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล(เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้ สถานะทางการเงิน) ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมในการป้องกันอัคคีภัยของร้านอาหารรอบ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ มีจำนวนกลุ่มตัวอย่างมีจานวน 50 ร้านค้า โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้วิเคราะห์ คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าไคสสแควร์ ผลการศึกษาพบว่า ความรู้และทัศนคติในการป้องกันอัคคีภัยของ ร้านอาหารรอบ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อยู่ในระดับดี และพฤติกรรมในการป้องกันอัคคีภัยของ ร้านอาหารรอบมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติอยู่ในระดับปานกลาง นอกจากนี้พบว่า รายได้มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมในการป้องกันอัคคีภัย ความรู้ และทัศนคติในการป้องกันอัคคีภัยของร้านอาหารรอบ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมในการป้องกันอัคคีภัยของร้านอาหารรอบมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ดังนั้น ร้านอาหารควรตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันและการระงับอัคคีภัย ควรให้ความรู้เรื่องการเพิ่มรายได้ ควบคู่กับการป้องกันอัคคีภัยและตระหนักถึงอันตรายของการเกิดอัคคีภัย ที่ทำให้เกิดทรัพย์สินเสียหาย และทำให้เกิดการบาดเจ็บและเกิดการสูญเสียขึ้นได้

This research was a descriptive study that aimed to determine the relationship between the individuals factors (gender, age, educational level, incomes, financial status), knowledge, attitude and the fire prevention behavior of restaurants around Huachiew Chalermprakiet University. The research subjects were 50 owners of the restaurants. The questionnaires were applied for data collection. The statistical analysis was conducted by using percentage, mean, and the Chi-square at the statistical significant level of alpha 0.05. The results showed that knowledge and attitude of fire prevention of restaurants around Huachiew Chalermprakiet University were in good level whereas the behavior of fire prevention of restaurants around Huachiew Chalermprakiet University was at moderate level. The results revealed that incomes had a significant association with behaviors of fire prevention. However, the knowledge and attitude in fire prevention of restaurants around Huachiew Chalermprakiet University had no relationship with the behavior of fire prevention of restaurants around Huachiew Chalermprakiet University. Therefore, the restaurants should concern in the importance of fire prevention and suppression. The training of increasing their incomes together with the knowledge of fire prevention and the dangers of fire should be done in order to recognize that fire may cause of property damage, injury and loss.