ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมเสี่ยงหกล้มในผู้สูงอายุชุมชนพัฒนาวัดกิ่ง จังหวัดสมุทรปราการ

Abstract

การวิจัยครั้งนี้เป็นวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) ชนิดการวิจัยเชิงความสัมพันธ์ (Correlational research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับพฤติกรรมเสี่ยงหกล้ม้ในผู้สูงอายุ ศึกษาปัจจัยนํา ปัจจัยเอื้อด้านสิ่งแวดล้อม และปัจจัยเสริมที่มีผลสามารถทํานายพฤติกรรมเสี่ยงหกล้มในผู้สูงอายุ ชุมชนพัฒนาวัดกิ่ง ตําบลราชาเทวะ อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในชุมชนพัฒนาวัดกิ่ง จํานวน 210 คน ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าต่ำสุด และค่าสูงสุด และการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression Analysis) ที่ระดับนัยสําคัญทางสถิติ 0.05 ผลการศึกษาครั้งนี้ ผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 74.76 มีอายุอยู่ในช่วง 60-69 ปี ร้อยละ 66.19 อาศัยอยู่ในครอบครัวที่มีสมาชิก 4-6 คน ร้อยละ 51.43 มีโรคประจําตัว ร้อยละ 79.52 เป็นโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด ร้อยละ 58.10 มีความสามารถในการมองเห็นชัดเจน ร้อยละ 69.52 และมีประวัติการหกล้มในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 37.62 ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการหกล้มอยู่ในระดับปานกลาง (=0.71, S.D.=0.17) จากผลการวิจัย ปัจจัยนํา ได้แก่ โรคประจําตัว ปัจจัยเอื้อด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การจัดวางสิ่งของไม่เป็นระเบียบ เส้นทางที่ใช้เดินทางไปมามีความลาดชัน ปัจจัยเสริม ได้แก่ เพื่อนช่วยเหลือตอนหกล้ม เพื่อนชวนออกกําลังกาย และบุคลากรทางสาธารณสุขจัดกิจกรรมป้องกันการหกล้ม มีผลสามารถทํานายพฤติกรรมเสี่ยงหกล้มในผู้สูงอายุได้ร้อยละ 24.4 อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ 0.05 มี ค่าสัมประสิทธิ์การถดถอย เท่ากับ -0.098, 0.072, 0.072, 0.091, -0.015 และ -0.139 ตามลําดับจากผลการศึกษาในครั้งนี้สามารถนําข้อมูลไปใช้ในการหาแนวทางดูแลผู้สูงอายุเพื่อป้องกันการหกล้ม มีการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย ไม่มีสิ่งของกีดขวางทางเดิน เพื่อป้องกันการหกล้ม ควรปรับปรุงสภาพแวดล้อมเส้นทางสัญจรที่มีความลาดชันให้มีความปลอดภัยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหกล้ม วางแนวทางในการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังและให้การช่วยเหลือผู้สูงอายุที่หกล้ม โดยให้บุคลากรทางสาธารณสุข ติดตามเฝ้าระวังการหกล้มในผู้สูงอายุ และจัดทําโครงการหรือกิจกรรมเพื่อป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ

Descriptive research was used in conjunction with correlational research. The objective is to study the level of risk behavior in the elderly. To study the predisposing factors, the enabling factors and the reinforcing factors which can predict the risk of falling behavior in the elderly pattanawatking Community, Rachathewa Subdistrict, Bangphli District, Samutprakan Province. The sample consisted of 210 elderly people aged 60 years and over who lived in Pattanawatking Subdistrict. Data were analyzed by frequency distribution, percentage, mean, standard deviation, minimum and maximum value, and tested by prediction by Multiple Regression Analysis. At the statistical significance level 0.05The results of this study, most of the elderly are female, 74.76% are 66.19% aged between 60-69 years, 51.43% are living in a family of 4-6 people, having 79.52% of underlying diseases with blood pressure. The highest is 58.10%, with the ability to see clearly 69.52% and has a history of falls in the past 6 months. 37.62 percent. The results of this study, most of the elderlyare female, 74.76% are 66.19% aged between 60-69 years, 51.43% are living in a family of 4-6 people, having 79.52% of underlying diseases with blood pressure. The highest is 58.10%, with the ability to see clearly 69.52% and has a history of falls in the past 6 months. 37.62 percent of the elderly had risk behaviors in falls at a moderate level (=0.71, S.D.=0.17). According to the findings, the predisposing factors include chronic diseases, the enabling factors including disorderly placement of things and the route to travel with slope, the reinforcing factors including a friend helping with falls and exercise with friends. It can predict the risk of falling behavior in the elderly by 24.4% with statistical significance 0.05 with the regression coefficient equal to -0.098, 0.072, 0.072, 0.091, -0.015 and -0.139 respectively. As for family members, there was no effect on risk behavior of falling in the elderly.The results of this study can be used to find ways to look after elderly people to prevent falls. There are improvements to the environment in the home to be safe. No objects blocking the path to prevent falls should improve the environment of the slope traveling route to be safe to prevent falls accident lay out guidelines for the development of surveillance systems and assist elderly falls by providing health personnel monitoring of falls in the elderly and create a project or activity to prevent falls in the elderly.