Please use this identifier to cite or link to this item:
https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/3053
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | ทิพวรรณ สุวรรณพล | - |
dc.contributor.author | ปิยรัตน์ สมันตรัฐ | - |
dc.contributor.author | จินตนา สะตะ | - |
dc.contributor.author | เพ็ญพักตร์ คงกุลทอง | - |
dc.contributor.author | Tipphawan Suwanpol | - |
dc.contributor.author | Piyarat Samantarath | - |
dc.contributor.author | Jintana Sata | - |
dc.contributor.author | Penpak Kongkulthong | - |
dc.contributor.other | Queen Sirikit National Institute of Child Health | en |
dc.contributor.other | Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Nursing | en |
dc.contributor.other | Queen Sirikit National Institute of Child Health | en |
dc.contributor.other | Queen Sirikit National Institute of Child Health | en |
dc.date.accessioned | 2024-10-18T02:23:33Z | - |
dc.date.available | 2024-10-18T02:23:33Z | - |
dc.date.issued | 2020 | - |
dc.identifier.citation | วารสารกรมการแพทย์ 45,4 (ตุลาคม-ธันวาคม 2563) : 129-137 | en |
dc.identifier.uri | https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/3053 | - |
dc.description | สามารถเข้าถึงบทความฉบับเต็ม (Full text) ได้ที่ : https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JDMS/article/view/249796/169728 | en |
dc.description.abstract | ภูมิหลัง: การใส่สายสวนหลอดเลือดดำเป็นหัตถการที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในโรงพยาบาลที่พบได้บ่อยที่สุด และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาทั้งระยะสั้นและระยะยาวโดยเฉพาะในทารกซึ่งภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์ การนำเอาแนวทางปฏิบัติในการป้องกันการติดเชื้อและปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติฯอย่างเคร่งครัดจึงเป็นมาตรฐานสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ วัตถุประสงค์:เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลองชนิดหนึ่งกลุ่มทดสอบก่อนและหลัง มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบคะแนนความรู้และการปฏิบัติของพยาบาลก่อนและหลังการใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลางวิธีการ: กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ พยาบาลวิชาชีพประจำหอผู้ป่วยศัลยกรรมทารกแรกเกิด สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จำนวน 11 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แนวทางปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลางสำหรับผู้ป่วยศัลยกรรมทารกแรกเกิด 2) แบบทดสอบความรู้ในการป้องกันการติดเชื้อจากการใส่สายสวนหลอดเลือดดำ 3) แบบสังเกตการปฏิบัติของพยาบาลในการป้องกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนหลอดเลือดส่วนกลาง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้กลุ่มทดลอง 11 คน ก่อนและหลังใช้แนวทางปฏิบัติโดยผู้วิจัยเป็นผู้สังเกตและบันทึกในแบบสังเกต วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ Wilcoxon signed-rank test เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความรู้และการปฏิบัติที่ถูกต้อง ก่อนและหลังการใช้แนวทางปฏิบัติ ผล: 1) คะแนนเฉลี่ยความรู้ในการป้องกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลางสูงกว่าก่อนการใช้แนวทางปฏิบัติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 2) เปรียบเทียบการปฏิบัติตามแนวทางการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลางหลังการใช้แนวทางปฏิบัติดีกว่าก่อนใช้ในทุกกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สรุป: การนำแนวทางการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลางมาใช้ช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจและส่งเสริมการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่พยาบาล | en |
dc.description.abstract | Background: Central venous catheterization is the most common cause of nosocomial infection and associated with short and long term adverse events especially with neonates who have immature immune. Strict implementation of clinical practice guideline for prevention of central venous catheter-related blood stream infections is the gold standard to prevent CRBSI. Objectives: the purposes of this study were to compare nurses’ knowledge and practices before and after implementing the clinical practice guideline for prevention of CRBSI at neonatal surgical unit. Methods: Sample was 11 registered nurses of neonatal surgical unit at Queen Sirikit National Institute of Child Health. Instrument used in this study were 1) clinical nursing practice guideline for the prevention of central-line associated blood stream infection 2) knowledge related to prevention of CRBSI questionnaire and 3) observational form. 11 nurses were recruited as experimental group before and after initiating implementation of the clinical practice guideline for prevention of CRBSI. The data were collected by the researcher and were analyzed using Wilcoxon signed-rank test to compare scores on knowledge and practice before and after implementation the guideline for prevention of CRBSI. Results: 1) After implementation the guideline, means of knowledge scores were significantly higher than before implementation the guideline 2) After implementation the guideline, practice for prevention of CRBSI were significantly higher than before implementation the guideline. Conclusion: To initiate the clinical practice guideline for prevention of CRBSI enhances nurses’ knowledge and understanding, then promote standard practices. | en |
dc.language.iso | th | en |
dc.subject | ทารก – ศัลยกรรม | en |
dc.subject | Infants – Surgery | en |
dc.subject | การใช้หลอดสวนหลอดเลือดดำ | en |
dc.subject | Veins catheterization | en |
dc.subject | หลอดสวน | en |
dc.subject | Catheters | en |
dc.subject | การใช้หลอดสวน – ภาวะแทรกซ้อน | en |
dc.subject | Catheterization – Complications | en |
dc.subject | การเจาะหลอดเลือดดำ | en |
dc.subject | Veins – Puncture | en |
dc.subject | การติดเชื้อ | en |
dc.subject | Infection | en |
dc.subject | การติดเชื้อในทารกแรกเกิด | en |
dc.subject | Neonatal infections | en |
dc.title | การประเมินผลความรู้และการปฏิบัติของพยาบาลก่อนและหลังการใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลางในผู้ป่วยศัลยกรรมทารกแรกเกิด | en |
dc.title.alternative | Evaluation of Knowledge and Practice of Nurses Before and After Implementation of Clinical Practice Guideline for Prevention of Central Venous Catheter-Related Blood Stream Infections (CRBSI) in Neonatal Surgical Patients | en |
dc.type | Article | en |
Appears in Collections: | Nursing - Artical Journals |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Evaluation-of-Knowledge-and-Practice-of-Nurses.pdf | 97.87 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.