Please use this identifier to cite or link to this item:
https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/4863Full metadata record
| DC Field | Value | Language |
|---|---|---|
| dc.contributor.advisor | ธัญญา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา | - |
| dc.contributor.advisor | Thanya Sanitwongse Na Ayuttaya | - |
| dc.contributor.author | ศิริชัย ครูประเสริฐวัฒนา | - |
| dc.contributor.author | Sirichai Krupartsertwattana | - |
| dc.contributor.other | Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Social Work and Social Welfare | - |
| dc.date.accessioned | 2025-11-29T13:24:56Z | - |
| dc.date.available | 2025-11-29T13:24:56Z | - |
| dc.date.issued | 1999 | - |
| dc.identifier.uri | https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/4863 | - |
| dc.description | สารนิพนธ์ (สส.ม.) (การจัดการโครงการสวัสดิการสังคม ) -- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 2542 | en |
| dc.description.abstract | การศึกษาเรื่องการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของข้าราชการตำรวจและนักเรียนตำรวจครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของกลุ่มตัวอย่าง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม และปัจจัยที่ทำให้ข้าราชการตำรวจและนักเรียนตำรวจมีการใช้เหตุผลเชิงผลจริยธรรมต่างกัน โดยศึกษากลุ่มตัวอย่าง 318 คน เป็นข้าราชการตำนวจ 168 คน นักเรียนนายร้อยตำรวจ 81 คน และนักเรียนพลตำรวจ 69 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS/PC+ โดยใช้สถิติพรรณา การวิเคราะห์ความแปรปรวนและการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ การศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยกำหนดให้มีตัวแปรอิสระ 3 กลุ่ม คือ ตัวแปรด้านชีวสังคม ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพการงาน ตำแหน่ง อายุการทำงาน สถานภาพสมรส รายได้ ความพอเพียงของรายได้ หนี้สิน และภาระการรับผิดชอบครอบครัว ปัจจัยด้านสังคม ได้แก่ การเห็นแบบอย่างที่ดี และปัจจัยด้านจิตใจ ได้แก่ การมีความเชื่อและการปฏิบัติทางศาสนา และตัวแปรตาม คือ การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม ผลการศึกษาพบว่า ข้าราชการตำรวจและนักเรียนตำรวจมีการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมในระหว่างระดับ 4 และระดับ 5 คือ การใช้หลักการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์หรือหน้าที่ทางสังคม และหลักการทำตามข้อตกลงของสังคม ซึ่งเมื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้กลุ่มตัวอย่างมีการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมต่างกัน พบว่า มีเพียงสถานภาพการงานที่ต่างกันเพียงลักษณะเดียว ที่มีผลให้กลุ่มตัวอย่างมีการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยนักเรียนพลตำรวจมีการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมสูงที่สุด รองลงมา คือ นักเรียนนายร้อยตำรวจ ส่วนข้าราชการตำรวจมีระดับการใช้เหตุลเชิงจริยธรรมเฉลี่ยในระดับต่ำกว่ากลุ่มนักเรียนทั้งสองกลุ่ม ส่วนปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของกลุ่มตัวอย่างนั้น ผู้วิจัยได้ใช้การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression) ในการวิเคราะห์โดยแยกวิเคราะห์ทีละกลุ่ม คือ กลุ่มข้าราชการตำรวจ กลุ่มนักเรียนนายร้อยตำรวจ และกลุ่มนักเรียนพลตำรวจ พบว่า มีเพียงปัจจัยเดียวที่มีอิทธิพลต่อการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของทั้ง 3 กลุ่ม คือ การเห็นแบบอย่างและกระทำตามแบบอย่างที่ดี จากผลการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอแนะให้กรมตำรวจปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้แก่บุคลากรในหน่วยงาน เพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างเต็มที่และเป็นที่พึงพอใจ | en |
| dc.language.iso | th | en |
| dc.publisher | มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ | en |
| dc.rights | มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ | en |
| dc.subject | การพัฒนาจริยธรรม | en |
| dc.subject | Moral development | en |
| dc.subject | เหตุผลเชิงจริยธรรม | en |
| dc.subject | Moral reasoning | en |
| dc.subject | ข้าราชการตำรวจ | en |
| dc.subject | ตำรวจ | en |
| dc.subject | Police | en |
| dc.subject | นักเรียนนายร้อยตำรวจ | en |
| dc.subject | Police cadets | en |
| dc.subject | นักเรียนพลตำรวจ | en |
| dc.subject | Police constable students | en |
| dc.title | การศึกษาการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของข้าราชการตำราจและนักเรียนตำราจ | en |
| dc.title.alternative | A Study on Moral Reasoning of Police and Police Students | en |
| dc.type | Independent Studies | en |
| dc.degree.name | สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต | en |
| dc.degree.level | ปริญญาโท | en |
| dc.degree.discipline | การจัดการโครงการสวัสดิการสังคม | en |
| Appears in Collections: | Social Work and Social Welfare - Independent Studies | |
Files in This Item:
| File | Description | Size | Format | |
|---|---|---|---|---|
| A-Study-on-Moral-Reasoning-of-Police-and-Police-Students.pdf Restricted Access | 9.4 MB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.