การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพกับพฤติกรรมป้องกันและความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ของมุสลิมวัยทำงานอายุ 20 - 60 ปีที่ขึ้นทะเบียนเป็นสัปปุรุษประจำมัสยิดกลางจังหวัดชลบุรี จำนวน 219 คน เก็บรวบรวมข้อมูลจากการตรวจร่างกายและแบบสอบถามที่มีค่า CVI 0.86 - 1.0 มีค่าความเที่ยงจากสัมประสิทธิ์ แอลฟาของครอนบาค0.82-0.98 หลังได้รับการรับรองจริยธรรมการวิจัยจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติวิเคราะห์ข้อมูลโดย การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ Pearson Product Moment ที่ระดับการมีนัยสำคัญทางสถิติ‹ 0.05 ผลการวิจัย พบว่า แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพด้านการรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค การรับรู้ประโยชน์ของการปฏิบัติพฤติกรรมป้องกันโรคการรับรู้ความรุนแรงของโรคและสิ่งชักนำไปสู่การปฏิบัติมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ส่วนการรับรู้อุปสรรคการปฏิบัติพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคมีความสัมพันธ์ทางลบกับพฤติกรรมป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่2อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติp ‹ 0.05 ทั้งนี้การรับรู้โอกาสเสี่ยง การรับรู้ความรุนแรง การรับรู้ประโยชน์ของการปฏิบัติและสิ่งชักนำไปสู่การปฏิบัติมีความสัมพันธ์ทางลบกับดัชนีมวลกาย เส้นรอบเอว น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต ส่วนการรับรู้อุปสรรคมีความสัมพันธ์ทางบวกกับดัชนีมวลกาย เส้นรอบเอว น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p < 0.001
This study aimed toexaminethecorrelationofhealth belief model with preventive behavior and risk of type 2 diabetes in working Muslim age 20 – 60 years and registered at Chonburi province mosque, total 219. Data were collected by physical examination and questionnaire which content validity, the CVI was 0.86 – 1.0, reliability was using Cronbach’s alpha coefficient was 0.82 – 0.98 after ethics approval from research committee, Huachiew Chalermprakiet University. Data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation
and Pearson Product Moment (p < 0.05)
The results show that health belief model in perceived risk of disease ,perceived benefits of prevention behaviors, perceived disease severity and what conducive to practice were positive relationship with type 2 diabetes prevention. But perceived barriers to behaviors for disease prevention was significantly negatively correlated with type 2 diabetes prevention behaviors ( p < 0.05).Anyhow, perceived risk , perceived disease severity, perceived benefits of practice and perceived induction were negatively correlation with body mass index, waist circumference, blood sugar and blood pressure.But perceived barriershas positivecorrelation with body mass index, waist circumference, blood sugar and blood pressure was statistically significant p < 0.001.
