งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลผลิตชีวภาพและปริมาณการกักเก็บคาร์บอนของพรรณไม้ และเพื่อเปรียบเทียบปริมาณการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพของพรรณไม้ต่างชนิดในพื้นที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร การหามวลชีวภาพใช้วิธีการคำนวณด้วยสมการแอลโลเมตรี และสัดส่วนคาร์บอนในเนื้อไม้ใช้ค่าสัมประสิทธิ์ของ IPCC (2006) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ไม้ยืนต้นกลุ่มพรรณไม้ทั่วไป 358 ต้น (7 ชนิด 5 วงศ์) สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน สถิติทดสอบครัสคับ-วอลลิส (Kruskal-Wallis test) ผลการศึกษาพบว่า ไม้ยืนต้นกลุ่มตัวอย่างมีปริมาณมวลชีวภาพเหนือพื้นดินเท่ากับ 107.6 ตัน มวลชีวภาพใต้ดินเท่ากับ 29.0 ตันและคาร์บอนในมวลชีวภาพเท่ากับ 64.2 ตันคาร์บอน ชนิดพรรณไม้ที่แตกต่างกัน ได้แก่ ชมพูพันธุ์ทิพย์ นนทรี หางนกยูงฝรั่ง คูน พญาสัตบรรณ มะฮอกกานี และลีลาวดี มีการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพของพรรณไม้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และนนทรีมีมวลชีวภาพและการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพมากที่สุด
The objectives of this research were to evaluate the amount of biomass and the carbon storages of trees and to compare amount of the carbon storage in biomass of different types of trees at a golf course in Bangkok, Thailand. Determining the amount of biomass used Allometry equations. Ratio of carbon in biomass used a coefficient value of IPCC (2006). The population samples were composes of 358 trees (7 species and 5 families). Statistics used were percentage, mean, median, and Kruskal-Wallis test. The results found that total aboveground and belowground biomass were 107.6 and 29.0 tons. Their carbon storage was 64.2 tons. There was a statistically significant difference of the carbon storage which classified by 7 species of tree including Tabebuia rosea, Peltophorum dasyrachis, Delonix regia, Cassia fistula, Alstonia scholaris, Swietenia macrophylla, and Plumeria alba (p<0.05). Pettophorum dasyrachis had the most amounts of biomass and its carbon storage in area.