บทคัดย่อการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานร่วมกับความดันโลหิตสูง  กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานร่วมกับโรคความดันโลหิตสูง  ที่มารับบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล  อําเภอเมือง  จังหวัดฉะเชิงเทรา จํานวน  95  ราย  เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพ ส่วนที่ 2 แบบสอบถามพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานร่วมกับความดันโลหิตสูง มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาเท่ากับ 0.79 ส่วนที่ 3 แบบสอบถามปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานร่วมกับความดันโลหิตสูง มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาเท่ากับ 0.70 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา และทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และวิเคราห์ห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ผลการวิจัยพบว่า  กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยรวมในระดับดี (Mean=3.21, SD=0.38) กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับความเสี่ยงต่อกเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดแตกต่างกันมีค่าเฉลี่ยพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (F=0.575, p=.633) ปัจจัยการรับรู้ ประโยชน์และการรับรู้ความสามารถของตนเองต่อการมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (r=.402,  p<.001  และ  r=.617,  p<.001  ตามลําดับ)  ขณะที่ปัจจัยการรับรู้อุปสรรคต่อการมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดมีความสัมพันธ์ทางลบกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (r= -.530, p<.001) จากผลการวิจัยครั้งนี้  สามารถนำไปเป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อการพัฒนาโปรแกรมหรือกิจกรรมสร้างเสริมพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานร่วมกับความดันโลหิตสูง  โดยเน้นให้มีการรับรู้ประโยชน์และความสามารถของตนเอง  ร่วมกับการลดการรับรู้อุปสรรคต่อการมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
 
This  descriptive  study  aimed  to  assess  factors  related  to  health  promoting  behaviors  for                                   cardiovascular  disease  (CVD)  prevention  among  diabetes  with  hypertension  (DM  with  HTN)  patients  in  Muang  District,  Chachoengsao  province.  Ninety-five  DM  with  HTN  patients  were  recruited  using two-stage  random  sampling  technique.  A  set  of  questionnaires  was  used  including:  (1)  Personal  data    record  form  and  health  data;  (2)  questionnaire  of  health  promoting  behaviors  for  CVD  prevention among  DM  with  HTN  patients  with  reliability  of  0.79;  and  (3)  questionnaire  of  factors  related  to                              health promoting behaviors for CVD prevention among DM with HTN patients with reliability of 0.70. Data  were  analyzed  using  descriptive  statistics,  one-way  ANOVA,  and  the  Pearson’s  Product  Moment  Correlation  Coefficient.  The  results  revealed  that  sample  reported  a  good  level  of  health  promoting behavior for CVD prevention (Mean = 3.21, SD = 0.38). There was not significantly different between participants with different CVD risk on health promoting behaviors for CVD prevention (F = 0.575, p = .633). The  perceive  benefits  and  self-efficacy  of  CVD  promoting  behaviors  for  prevention  was  significantly   positively correlated to promoting behaviors for CVD prevention among DM with HTN patients (r = .402, p <.001 and, r = .617, p <.001, respectively). The perceived barriers to health promoting behavior of                   CVD  prevention  is  significantly  negatively  correlated  to  promoting  behaviors  for  CVD  prevention among DM with HTN patients (r = -.530, p <.001). The results of can be used to develop programs on CVD health promoting for DM with HTN patients. Our finding suggested that we should increase the perception of the benefits and self-efficacy of cardiovascular disease health promoting and reduce the perception of the barriers.