DSpace Repository

ประสิทธิภาพของการประมาณค่าพารามิเตอร์แบบช่วงสําหรับข้อมูลแบบต่อเนื่องด้วยวิธีแจ็คไนฟ์และวิธีบูตสแตรป

Show simple item record

dc.contributor.author ภัททิตา เลิศจริยพร
dc.contributor.author ณภัทณ์จันทร์ ด่านสวัสดิ์
dc.contributor.author Pattita Lurdjariyaporn
dc.contributor.author Napattchan Dansawad
dc.contributor.other Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Science and Technology en
dc.contributor.other Valaya Alongkorn Rajabhat University under Royal Patronage. Faculty of Science and Technology en
dc.date.accessioned 2024-11-12T14:50:51Z
dc.date.available 2024-11-12T14:50:51Z
dc.date.issued 2021
dc.identifier.citation วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2,4 (ตุลาคม-ธันวาคม 2564) : 13-22. en
dc.identifier.uri https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/3259
dc.description สามารถเข้าถึงบทความฉบับเต็ม (Full text) ได้ที่ : https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JRIST/article/view/245809 en
dc.description.abstract การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวิธีการประมาณค่าพารามิเตอร์แบบช่วง ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความแปรปรวน ค่าความเบ้ และค่าความโด่ง สําหรับข้อมูลแบบต่อเนื่องระหว่างวิธีแจ็คไนฟ์กับวิธีบูตสแตรป โดยใช้ข้อมูลจากการจําลองด้วยเทคนิคมอนติคาร์โล ด้วยโปรแกรม R เมื่อ กําหนดให้ข้อมูลมีการแจกแจงแบบปกติมาตรฐาน การแจกแจงแบบที การแจกแจงแบบเอ็กซ์โพเนนเชียล และการแจกแจงแบบแกมมา โดยกําหนดขนาดตัวอย่าง 100, 200, 300, 400 และ 500 ที่ระดับนัยสําคัญ 0.01 และ 0.05 ในแต่ละสถานการณ์จะมีการจําลองข้อมูลกระทําซํ้าจํานวน 1,000 ครั้ง เกณฑ์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบการประมาณค่าแบบช่วง คือ สัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่น ผลการศึกษา พบว่า ทุกค่าพารามิเตอร์ ในทุก ๆ ลักษณะการแจกแจงวิธีบูตสแตรปจะมีค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นสูง และมีประสิทธิภาพดีกว่าวิธี แจ็คไนฟ์ en
dc.description.abstract The purpose of this study was to compare the efficiency of interval estimation mean, variance, skewness and kurtosis of continuous variable between Jackknifing and Bootstrapping method. Data are generated using Monte Carlo Simulation Technique by R-Program. Standard normal distribution, t-distribution, exponential distribution, and gamma distribution were generated at the sample of size 100, 200, 300, 400 and 500 at significance levels of 0.01 and 0.05. In each situation data was simulated and repeated 1,000 times. The efficiency was considered by confidence coefficient of the interval estimation. The results showed that Bootstrapping method gave the higher confidence coefficient than Jackknifing method in four parameters of each distribution. Therefore, Bootstrapping method was more efficient than Jackknifing method. en
dc.language.iso th en
dc.subject การประมาณค่าพารามิเตอร์ en
dc.subject Parameter estimation en
dc.subject แจ็คไนฟ์ (สถิติ) en
dc.subject Jackknife (Statistics) en
dc.subject บูทสแตร็ป (สถิติ) en
dc.subject Bootstrap (Statistics) en
dc.subject ช่วงความเชื่อมั่น en
dc.subject Confidence intervals en
dc.title ประสิทธิภาพของการประมาณค่าพารามิเตอร์แบบช่วงสําหรับข้อมูลแบบต่อเนื่องด้วยวิธีแจ็คไนฟ์และวิธีบูตสแตรป en
dc.title.alternative An Efficiency of Interval Estimation for Continuous Variable by Jackknifing and Bootstrapping Method en
dc.type Article en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account