สมาร์ทการ์ด : สภาพและแนวโน้มของการประยุกต์ใช้

Abstract

บัตรเครดิตในปัจจุบันมีปัญหาและอุปสรรค หรือมีจุดอ่อน คือ เรื่องการใช้เทคโนโลยีที่ไม่สูงนัก นั่นคือใช้แถบแม่เหล็กฝังอยู่ที่แถบบัตร ทำให้เกิดปัญหาหรือจุดอ่อน 3 ประการ คือ ประการที่หนึ่ง เรื่อง การปลอมแปลงบัตรเครดิต ซึ่งสามารถทำได้โดยง่าย ทำให้เกิดหนี้เสียมากมาย ประการที่สอง เรื่องของการเสียเวลารอคิวเข้าแถว เพื่อรดรูดบัตรเป็นระยะเวลานาและประการสุดท้าย เรื่องของบัตรถูกขโมยแล้วนำไปใช้ ซึ่งจุดอ่อนหรือปัญหาดังกล่าว สมาร์ทการ์ดสามารถแก้ไขได้ เนื่องจากใช้เทคโนโลยีที่สูงกว่า คือ มีวงจรอิเลคโทรนิค IC Chip หรือ Microprocessor ฝังอยู่ที่แถบบัตร ตลอดจนมีประโยชน์ใช้สอยซึ่งกว้างขวางกว่า ทำให้เป็นสาเหตุสำคัญที่เราควรศึกษา เพื่อศึกษาถึงความหมาย คุณลักษณะทั่วไป และคุณสมบัติพิเศษ (จุดเด่น) ของสมาร์ทการ์ด โครงการการให้บริการสมาร์ทการ์ดในประเทศไทยรวมถึงสภาพและแนวโน้มของการประยุกต์ใช้ ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษานี้เป็นข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) โดยทำการสืบค้นข้อมูลทุติยภูมิจากแหล่งข้อมูลสิ่งพิมพ์ แหล่งข้อมูลจากห้องสมุด การสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง และการสืบค้นจาก Internet และนำข้อมูลมาวิเคราะห์และสรุปผล จากการศึกษาพบว่า ระบบของสมาร์ทการ์ดเป็นระบบ Off-Line คือ บัตรสมาร์ทการ์ดสามารถอนุมัติวงเงิน ประมวลผลในตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านศูนย์ข้อมูลกลาง และยากแก่การปลอมแปลง นอกจากนั้นสมาร์ทการ์ดยังมีข้อได้เปรียบ (จุดเด่น) ที่บัตรเครดิตทั่วไปไม่มี ได้แก่ 1. เก็บข้อมูลได้มากกว่าทั้งในรายละเอียดและปริมาณ 2. มีหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลในตัวเอง 3. สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลได้ตามความต้องการใช้งาน 4. ป้องกันการปลอมแปลงได้มากกว่า 5. ข้อมูลใน Microchip ไม่ถูกทำงานลงได้ง่าย 6. เทคโนโลยีใหม่และมีการพัฒนาอยู่เสมอเหมาะสำกรับการปรับเปลี่ยนขยาย 7. มีความปลอดภัยสำหรับการใช้งานแบบ Off-Line 8. อายุการใช้งานมากกว่า 9. ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในระยะยาว นอกจากนี้ได้มีการศึกษาโครงการการให้บริการสมาร์ทการ์ดในประเทศไทย พบว่าใช้ในรูปบัตรโทรศัพท์ บัตรสมาชิกโทรทัศน์ดาวเทียม Pacific Net Work และใช้ในวงการธนาคารแห่งแรกของประเทศไทย คือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อปลายปี 2536 มีชื่อว่า บัตรเครดิตกสิกรไทยอัจฉริยะ และการประมาณการตลาดสมาร์ทการ์ดในประเทศไทย คาดว่าความต้องการของตลาดสมาร์ทการ์ดยังมีอยู่สูง แต่มีข้อจำกัดในด้านการกระจายข่าวสารถึงประโยชน์ใช้สอบและคุณสมบัติพิเศษ (จุดเด่น) ของสมาร์ทการ์ด (โดยเฉพาะป้องกันการทุจริตได้ดีกว่าบัตรเครดิต) ไม่ดีพอ ประกอบกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของ Software ของสมาร์ทการ์ดของกำลังพัฒนาอยู่ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก การวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคของโครงการการให้บริการสมาร์ทการ์ด พบว่าประกอบด้วย 1. ในเรื่องความพร้อมในการพัมนาเทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากความรู้ความชำนาญถูกจำกัดอยู่ไม่กี่บริษัท ทำให้มีการแข่งขันกันน้อย เพื่อให้สมาร์ทการ์ดใบเดียวสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่าง Full Function ต้องใช้เวลานาน 2. เนื่องจากเทคโนโลยีมีการแข่งขันกันน้อย ทำให้ Software และเครื่องมืออุปกรณ์ในการใช้ประกอบการให้บริการสมาร์ทการ์ดมีราคาสูง ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ผู้ลงทุนวิตกว่า เมื่อลงทุนไปแล้วจะไม่คุ้มกับทุนที่ลงไป 3. เมื่อเทคโนโลยีและเครื่องมืออุปกรณ์ไม่พร้อม และมีราคาแพง ทำให้บริการสมาร์ทการ์ด ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร 4.จากเหตุผลข้อ 1 ถึง 3 ทำให้แนวทางการตลาดที่จะออกตัว หรือ Promote โครงการสมาร์ทการ์ด จึงเกิดความไม่แน่นอน ทำให้การโฆษณาหรือกระจายข่าวถึงประโยชน์ใช้สอยอันกว้างขวาง และคุณสมบัติพิเศษของสมาร์ทการ์ดที่สามารถป้องกันการทุจริตต่างๆ ได้ดีกว่าบัตรเครดิตนั้น ประชาชนหรือผู้บริโภคยังไม่ทราบถึงข่าวสารถึงประโยชน์อันมากมายของสมาร์ทการ์ดเท่าที่ควร 5. ปัญหาเรื่องการรวมตัวของธนาคาร หรือสถาบันที่จะออกสมาร์ทการ์ดในประเทศไทย ยังไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าสามารถรวมตัวกันได้แล้ว ก็สามารถลดต้นทุนในโครงการสมาร์ทการ์ดได้อย่างมาก และทำให้โครงการการให้บริการสมาร์ทการ์ดขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อีกมาก 6. จำนวน Outlets มีน้อยมาก ทำให้ผู้ถือบัตรไม่ได้รับความสะดวก 7. ความปลอดภัยในการใช้บัตรยังมีน้อย