กลุ่มอาการผิดปกติทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจากการทำงาน พบมากขึ้นในกลุ่มบุคลากรทางการศึกษา การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่มีผลต่อความผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงานของบุคลากรวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร โดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 90 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความชุกการเกิดความผิดปกติของระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ ด้วยค่าร้อยละ ความถี่ และ 95%CI ของร้อยละ วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อด้วยสถิติการถดถอยโลจิสติก ผลการศึกษา พบว่า บุคลากรมีความชุกของอาการปวดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 3 ลำดับแรก คือ แขน/ไหล่ ร้อยละ 88.89 รองลงมา คือ หลังส่วนล่างร้อยละ 83.33 และคอร้อยละ 78.89 สำหรับปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติของโครงร่างและกล้ามเนื้อบริเวณไหล่/แขน มากที่สุด ได้แก่ ต้องออกแรงกล้ามเนื้อเกร็ง เป็นเวลานาน 3.02 เท่าของปัจจัยที่มีผลต่อความผิดปกติ (95%CI=1.20-7.59) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติของโครงร่างและกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง ได้แก่ นั่งทำงานเป็นเวลามากกว่าครึ่งหนึ่งของเวลาทำงานทั้งหมด 4.72 เท่าของปัจจัยที่มีผลต่อความผิดปกติ (95%CI=1.27-17.45) และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติของโครงร่างและกล้ามเนื้อบริเวณคอ คือ ต้องเพ่งจดจ่อใช้สายตาเป็นอย่างมาก 0.20 เท่าของปัจจัยที่มีผลต่อความผิดปกติ (95%CI=0.04-0.91) บุคลากรทั้งสายการสอนและสายสนับสนุนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ควรมีการเปลี่ยนอิริยาบท ไม่ทำงานท่าเดิมเป็นเวลานาน หลีกเลี่ยงการใช้สายตาเพ่ง จ้อง เพื่อป้องกันความเมื่อยล้าของดวงตา นอกจากนี้ควรมีส่งเสริมสุขภาพ โดยการให้บุคลากรมีการบริหารร่างกายเพื่อลดอาการปวดเมื่อยระบบกระดูกและกล้ามเนื้อซึ่งจะช่วยให้การทำงานของบุคลากรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Work-related musculoskeletal disorders (WMSDs) are commonly found among educational personnel. This study aimed to assess prevalence and factors affecting to musculoskeletal system disorders associating with working in personnel of a private college in Bangkok. There were 90 personnel participating in the study. Data were collected by using questionnaire; and the data were analyzed to obtain prevalence of musculoskeletal system disorders using frequency, percentage, 95% confident interval, and multiple logistic regression. The study found that majority of the personnel had pain in parts of body of which the top three were arm/shoulder 88.89%, lower back 83.33%, and neck 78.89%. The most common elements associated with long-term muscle tension exertion were skeletal and muscular anomaly in the shoulder/arm area, accounting for 3.02 times of the abnormality’s variance (95%CI=1.20 to 7.59); the requirement to focus intensely with the eyes, 0.20 times (95%CI=0.04 to 0.91); and sitting for more than half of the working day which was associated with skeletal and muscular abnormalities in the lower back, 4.72 times (95%CI=1.27 to 17.45). Thus, efforts should be made to teach personnel to change posture, refrain from long-time working in the same position, and avoid using eyes too much to prevent eye fatigue. In addition, personnel should be advised to conduct exercise during working, which could result in more efficient performance.
