นับตั้งแต่การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2474 ที่นำโดยกลุ่มหัวรุนแรงเรียกร้องประชาธิปไตยในนามว่า "คณะราษฎร" ทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ทำให้ราชอาณาจักรสยามได้ดิ่งลงสู่กลียุคแห่งการเมืองนานนับหลายทศวรรษนับบัดนั้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาหลังสิ้นสุดสงครามมหาเอเซียบูรพา สังคมไทยถูกคุกคามจากกลุ่มผู้ครองอำนาจในบ้านเมือง ระบบประชาธิปไตยถูกเหยียบย่ำจากผลประโยชน์ส่วนบุคคลของกลุ่มผู้ได้ประโยชน์ ซึ่งสภาวะแวดล้อมในสมัยนั้น ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานด้านงานเขียน เรื่องสั้นเสียดสีสังคมอย่างคึกคัก และกลายมาเป็นรากฐานของวรรณกรรมร่วมสมัยไทยในปัจจุบัน ในบรรดานักเขียนเรื่องสั้นชั้นปรมาจารย์ของประเทศสยามนั้น เราไม่อาจะที่จะไม่เอ่ยถึงหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เรื่องสั้นของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช นั้น ใช้ภาษาที่เข้มข้นเสียดสีการเมืองอย่างตรงไปตรงมา และยังแฝงด้วยอารมณ์ขัน เปิดเผยให้เห็นถึงความอยุติธรรมของการเมืองในยุคสมัยนั้น และยังปลูกฝังความคิดประชาชนให้เรียกร้องระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงด้วยสันติวิธี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เกิดในตระกูลที่สืบสายมาจากรัชตระกูลที่สูงส่ง จากชีวิตที่ดำเนินอยู่ในสังคมชนชั้นสูง ทำให้หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช คุ้นเคยและเข้าใจในเรื่องวิถีการเมืองอย่างถ่องแท้ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่มาของงานเรื่องสั้นต่างๆ ที่สามารถวิจารณ์การเมืองไทยอย่างละเอียดอ่อนและเข้ากับสมัยนิยม ซึ่งทำให้ผู้อ่านสามารถมองผ่านตัวละคนในเรื่องสั้นให้เหมือนมีชีวิตจริงในทุกกาลเวลา เรื่องสั้นของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ใช้ตัวละคระและเหตุการณ์ต่างๆ ในการดำเนินเรื่องที่สะท้อนให้เห็นปมความขัดแย้งของสังคมไทย เมื่อผนวกกับวรรณศิลป์การประพันธ์ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ทำให้งานเขียนของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช มีเสน่ห์และความมีชีวิตที่ชวนหลงใหล เราอาจจะกล่าวได้ว่า เรื่องสั้นเสียดสีการเมืองของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช นั้น จะเป็นผลงานวรรณกรรมชิ้นเอกที่จะสามารถเป็นไข่มุกงามของงานเขียนวรรณกรรมร่วมสมัยใหม่ของประเทศสยามในสังคมไทยตราบจนนาน
After Thai Democratic radicals staged a coup and established the constititional monarchy in 1932, Thai politics was in an era of turmoil for serveral decades. Especially after the World War II, authoritarianism was running rampant in Thai society, personal benefit became the obstacles in the democratic process. At the meantime, Thai Literature became unprecedentedly active, short stories in particular. A large number of progressive writers started to transform the main theme of short stories, from entertainment to social life, and became the foundation of the literary realism. M.R. Kukrit Pramoj was the representative of those short stories writers, his political satires was mixed of humor and pungent, exposed the darkness and unfairness of Thai society sharply, invoked people to ger rid servility, strive for their own right in a non-violent way. M.R. Kukrit Pramoj born in a royal family, his family get involved into politics from generation to generation, and his own experience in politics for decases, all these made him understanding in Thai politics. M.R. Kukrit Pramoj's political satires not only have a vivid timing, able to describe the politics of Thailand at that time in detail, moreover, because of his reflection of the reform of the political system and Thai society, which make his novelette so lively. M.R. Kukrit Pramoj's political satires are good at reveal the contradiction of Thai socirty at that time through character creation and the conflict of plot. M.R. Kukrit Promoj's literary and artistic expresstions was so skillfully that made his political satires so readability and vitality. M.R. Kukrit Pramoj's political satires are the representative of literary realism of Thailand after World War II, and they are also the monument of Thailand modern literature.
泰国民主激进分子在 1932 年发动政变，建立君主立宪制政权后，泰国政治便开始进入长达几十年的动荡时期。特别是在第二次世界大战以后，泰国社会威权政治横行，民主进程被个人利益所利用和阻碍。这一时期的泰国文学空前活跃，特别是在短篇小说的创作的方面。大批进步作家开始改造之前以娱乐为主的短篇小说，使之贴近社会生活具有现实主义的意义。
克立•巴莫就是这一批短篇小说作家中的代表人物，克立•巴莫的短篇政治讽刺小说幽默、辛辣，深刻的揭露了当时泰国社会政治的黑暗和不公，并呼吁民众摆脱奴性，站起来用“非暴力”方式争取自己的权利。
克立•巴莫皇室的出身、世代从政的家庭背景以及自己几十年耳濡目染的政治生涯，都使得他对泰国政治有着很深刻的理解。克立•巴莫的政治讽刺小说不仅在故事情节上具有鲜明的时代性，准确细致的表现出当时泰国政治的情况。而且因为克立•巴莫对泰国政治体制改革和泰国社会的深刻反思，使得他的小说具有穿越时空的生命力。
克立•巴莫的短篇政治讽刺小说，善于利用人物塑造和情节冲突来成功的表现当时泰国社会存在的矛盾，同时克立•巴莫对于文学艺术表现手法的熟练运用，也使得克立•巴莫的短篇政治讽刺小说更有可读性和生命力。
克立•巴莫的短篇政治讽刺小说是泰国二战后现实主义文学的代表，同时也是研究现当代泰国文学不可逾越的丰碑。
