Please use this identifier to cite or link to this item:
https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/104
Title: | การมีส่วนร่วมของชุมชนในการควบคุมอาชญากรรมด้านยาเสพติดและการพนันในจังหวัดสมุทรปราการ |
Other Titles: | The Community Involve in the Crimes about Drugs and Grambling Controls in Samutprakarn Province |
Authors: | จตุรงค์ บุญรัตนสุนทร Jaturong Boonyarattanasoontorn โต สมบูรณ์ Tho Somboon Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Social Work and Social Welfare |
Keywords: | การป้องกันอาชญากรรม -- ไทย -- สมุทรปราการ อาชญากรรม -- ไทย -- สมุทรปราการ การใช้ยาในทางที่ผิดกับอาชญากรรม การมีส่วนร่วมของประชาชน การพนัน -- ไทย -- สมุทรปราการ Drug abuse and crime Gambling -- Thailand -- Samutprakarn Crime -- Thailand -- Samutprakarn Crime prevention -- Thailand -- Samutprakarn Citizen participation |
Issue Date: | 2001 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ |
Abstract: | การศึกษาเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในการควบคุมอาชญากรรมด้านยาเสพติดและการพนันในจังหวัดสมุทรปราการ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ความเข้าใจของประชาชนในกาป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการควบคุมอาชญากรรม และศึกษาปัญหาและอุปสรรคของการมีส่วนร่วมของประชาชนในกลุ่มอาชีพต่าง ๆ โดยใช้วิธีการศึกษาเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างของการศึกษาครั้งนี้คือ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการผลการศึกษาพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในระดับสูง โดยมีความรู้ความเข้าใจมากที่สุดในเรื่อง เมื่อเกิดอาชญากรรมต้องจดจำลักษณะคนร้ายแล้วรีบแจ้งตำรวจโดยเร็ว ส่วนผลการศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการควบคุมอาชญากรรม พบว่าโดยภาพรวมประชาชนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมน้อย มีเพียงบางเรื่องคือการสอดส่องดูแลบุคคลในครอบครัวไม่ให้เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทุกชนิด เช่น ยาเสพติด การลักขโมย และการคอยเป็นหูเป็นตาให้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของความรู้ความเข้าใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม และการมีส่วนร่วมในการควบคุมอาชญากรรม พบว่า ผู้ที่มาอายุ 41-50 ปี มีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมน้อยกว่าผู้ที่มีอายุในช่วงอื่น ๆ และประชาชนเพศชาย อายุระหว่าง 31-40 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา เป็นผู้ทำงานแล้วจะมีส่วนร่วมในการควบคุมอาชญากรรมมากว่าผู้อื่นผลการศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการควบคุมอาชญากรรมพบว่าผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนสูงจะมีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมมาก ขึ้นและพบว่าว่าเพศชาย มีงานทำ และจบการศึกษาสูง จะมีส่วนร่วมในการควบคุมอาชญากรรมมากขึ้นส่วนผลการศึกษาเชิงคุณภาพจากประชาชน 6 สาขาอาชีพ ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ รับจ้างอาสาสมัคร ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ นักเรียน นักศึกษาและแม่บ้านพบว่า ประชาชนส่วนร่วมในการควบคุมอาชญากรรมหรือยาเสพติดนั้น ส่วนใหญ่จะเคยแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือช่วยรณรงค์ปราบปราบอาชญากรรม ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียนนักศึกษายังไม่เคยมีส่วนร่วมในด้านนี้ ปัญหาและอุปสรรคที่ประชาชนไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันอาชญากรรมคือ เกิดความกลัวภัยที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเองและครอบครัวข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรกำหนดนโยบายอย่างชัดเจนในการคุ้มครองอาสาสมัครหรือผู้มีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ให้ความสำคัญต่อสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม ปรับระบบการชี้ตัวผู้กระทำไม่ให้เกิดภัยต่อผู้ชี้ตัวและครอบครัว และควรติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของอาสาสมัครหรือผู้มีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมอย่างต่อเนื่องส่วนในระดับปฏิบัตินั้น รัฐบาลควรรณรงค์ให้สถาบันครอบครัวให้ความรักความเอาใจใส่ต่อบุตรหลาน รวมทั้งอบรมสั่งสอนให้เห็นถึงโทษของการเสพยาเสพติดและการพนันตั้งแต่เด็ก สถาบันการศึกษา ควรเน้นการเรียนการสอนโดยนำสื่อ เช่น สไลด์ หรือภาพยนตร์ตัวอย่าง เพื่อให้เด็กรู้จักหลีกเลี่ยงยาเสพติดหรือการพนันทุกชนิด เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจในแต่ละพื้นที่ควรอบรมอาสาสมัครด้านการให้ความมั่นใจในการปฏิบัติงาน เพื่อเป็นมาตรฐานให้ผู้ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเกิดความมั่นใจในความปลอดภัยของตนเอง หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบพื้นที่ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล ควรสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสมาคม หรือชมรมต่อต้านอาชญากรรมขึ้น ในพื้นที่มีโรงงานใหญ่ ๆ จัดให้มีตำรวจโรงงาน และจัดโครงการเพื่อนบ้านพึ่งพา ซึ่งเป็นการปลุกจิตสำนึกให้ทุกคนช่วยกันป้องกันอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นในชุมชนของตนเอง ผู้บังคับบัญชาของแต่ละสถานีตำรวจ ควรพิจารณาพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานอย่างหละหลวม ไม่ซื่อสัตย์ แล้วมีมาตรการลงโทษสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด โดยการพักราชการหรือให้ออกจากราชการ ไม่ควรย้ายไปปฏิบัติงานที่อื่นเพราะจะสร้างปัญหานี้ยังที่ดังกล่าวต่อไปสำหรับข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป ควรศึกษาแรงจูงใจของประชาชนในการมีส่วนร่วมปราบปรามอาชญากรรม ปัญหาและอุปสรรคในการมีส่วนร่วมควบคุมอาชญากรรมและการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานหรืออาสาสมัครในการป้องกันและปราบปราบอาชญากรรม |
Description: | The study of the involve of citizen in controlling crime about drugs and grambling in Samutprakarn area has the objective to study about the understanding of citizen in protect and solve the crime problem. Study about the factors that influence the involve of citizen in the crime control and about the difficulties of involve of citizen in many occupation by using quantitative and qualitative research. The sample group are the citizen who live in the areas that have a lot of drug and grambling in Samutprakarn area.From the researcher found out the most of the citizens have the knowledge and understanding of the way to solve and protect the crime problem in the high level. The best understand in the cases that when the crime happened they must remember the character of the criminal and report to the police as soon as possible and the from the study of the involve of citizen in control the crime we found that most of citizen takes only a little part, mostly is to take care of family member not to involve in any kind of crimes like for example ; drugs, stealing and to watch out for their neighbor have a great involved.The analysis results of the changes to measure the differences of understanding in the crime protection and solving and the involving of the citizen show that the one which ages of 41-50 years old have the less understanding about the crime protection and solving that age group and the male citizen with ages between 31-40 years old, graduated from high school and now working would have the greatest involved in crime control. The research of factor that influences the involving of citizen in the crime control show that the citizen with high monthly income would have more understanding about crime protection and solving and the male which well educate and have jobs would have more involve in crime control. The qualitative research from the citizen in 6 occupations group : freelance, employees, volunteers, government officials, students and house-wife found that citizen that involve in control crime of drugs mostly would have reported to the officer or promote the crime control programs. The sample group that are student, they still not involve in this yet. The problem and difficulties that make citizen do not involve in crime protection is the fear of danger that would happened to them and their family. The recommendation from this research is that the national police department should make the exact policy to protect the volunteer or the one which involve in protect and get rid of crime view the member of crime now report as important, change the crime pointing system to prevent the danger for the withness and their family. Sould follow through the result of volunteer’s work or anyone who involve in prevent and solve the crime problem.In the action level, the government should promote the family to love and take cares of their children as well as teach them to see what is dangers of drug abuse and grambling while they was young. The school should use more media like, slide or sample movie to make the children know, how to stay clear of drugs or any kind of grambling. The police office in each areas should train the volunteers to protect in the action to be standard for the one who want to involve in the prevent and get rid of crime to be sure of their own safety. The local department who take cares of local area like, subdistrict organization administration, should help in starting organization or club to go against crime. In the area which have a large factory should set up the factory police and set up the “Depending Neighbor” programs which is to make every people think to protect crime that would happened in their community. The had at each police department should consider the officer that work unhonestly and loosely and have or fired them, but not by moving them to somewhere else because they may continue the some problem.For the recommendation of the next research. The research should study about the factor that influence citizen to involve in the crime termination, problem and difficulties in the involve in control crime and the evaluation at volunteer in present and terminate crime. วิทยานิพนธ์ (สส.ม.) (การจัดการโครงการสวัสดิการสังคม) -- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 2544 |
URI: | https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/104 |
Appears in Collections: | Social Work and Social Welfare - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
abstract.pdf | 491.36 kB | Adobe PDF | View/Open | |
tableofcontents.pdf | 435.53 kB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter1.pdf | 468.95 kB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter2.pdf | 2.85 MB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter3.pdf | 285.7 kB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter4.pdf | 2.27 MB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter5.pdf | 731.42 kB | Adobe PDF | View/Open | |
references.pdf | 406.76 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.