Please use this identifier to cite or link to this item: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1374
Title: รายงานวิจัย คุณลักษณะของบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ปีการศึกษา 2560
Other Titles: Characteristics of Graduates According to Thai Qualifications Framework for Higher Education (TQF: HEd) Faculty of Social Work and Social Welfare, Academic Year 2017
Authors: ศิริพร เกื้อกูลนุรักษ์
Siriporn Kaukulnuruk
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Social Work and Social Welfare
Keywords: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม -- บัณฑิต
Huachiew Chalermprakiet University. $bFaculty of Social Work and Social Welfare$xCollege graduates
College graduates -- Employment
การสำรวจทัศนคติของนายจ้าง
Issue Date: 2017
Publisher: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
Abstract: การวิจัยเรื่อง คุณลักษณะของบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ปีการศึกษา 2560 มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาภาวะการมีงานทำและการศึกษาต่อของบัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม ที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2559 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บังคับบัญชา/นายจ้างที่มีต่อคุณลักษณะของบัณฑิต ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ โดยทำการสำรวจจากกลุ่มประชากรจำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่ บัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคมที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2559 จำนวน 133 คน ได้รับแบบสอบถามกลับคืนจำนวน 128 คน คิดเป็นร้อยละ 95.24 และผู้บังคับบัญชา/นายจ้างของบัณฑิต จำนวน 104 คน ได้รับแบบสอบถามกลับคืนจำนวน 80 คน คิดเป็นร้อยละ 76.92 ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ 1. ภาวะการมีงานทำและการศึกษาต่อของบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม กลุ่มตัวอย่างบัณฑิต ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 89.1) อายุ 23 ปีมากที่สุด (ร้อยละ 43.0) มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากที่สุด (ร้อยละ 30.5) และบัณฑิตส่วนใหญ่สามารถสำเร็จการศึกษาตามระยะเวลาของหลักสูตร 4 ปี (ร้อยละ 76.6) ในขณะที่ทำการสำรวจบัณฑิตส่วนใหญ่มีงานทำแล้ว (ร้อยละ 81.3) บัณฑิตที่มีงานทำส่วนใหญ่ทำงานโดยไม่ได้ศึกษาต่อ (ร้อยละ 80.5) ด้านความต้องการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น พบว่า ส่วนใหญ่ไม่ต้องการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น (ร้อยละ 55.5) บัณฑิตส่วนใหญ่ได้งานทำภายหลังสำเร็จการศึกษา 1-3 เดือน (ร้อยละ 37.5) ด้านการเปลี่ยนงานภายในระยะเวลา 1 ปี พบว่า ส่วนใหญ่ไม่เคยเปลี่ยนงานหลังจากได้งานทำครั้งแรกมาแล้ว (ร้อยละ 65.6) รองลงมา คือ เปลี่ยนงานมาแล้ว 1 ครั้ง (ร้อยละ 15.6) บัณฑิตที่มีงานทำส่วนใหญ่ทำงานในบริษัทเอกชน (ร้อยละ 42.3) รองลงมาคือ หน่วยงานราชการ (ร้อยละ 35.6) เมื่อพิจารณาหน่วยงานภาคราชการที่รับบัณฑิตเข้าทำงาน พบว่า บัณฑิตส่วนใหญ่ทำงานในกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ร้อยละ 51.4) รองลงมาคือ กรุงเทพมหานคร (ร้อยละ 21.6) และกระทรวงสาธารณสุข (ร้อยละ 13.5) ที่ตั้งของหน่วยงานอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร้อยละ (63.5) รองลงมา คือ ภาคใต้ (ร้อยละ 12.5) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 9.6) ส่วนใหญ่ทำงานในตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์/ผู้ช่วยนักสังคมสงเคราะห์ (ร้อยละ 30.8) ได้รับเงินเดือน 14,001-16,000 บาท (ร้อยละ 43.3) บัณฑิตส่วนใหญ่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับสังคมสงเคราะห์/สวัสดิการสังคม (ร้อยละ 59.6) เมื่อพิจารณาถึงความพึงพอใจกับงานที่ทำในปัจจุบัน พบว่า บัณฑิตที่มีความพึงพอใจมาก (ร้อยละ 50.0) ใกล้เคียงกับบัณฑิตที่ตอบว่ามีความรู้สึกเฉยๆ กับงานที่ทำในปัจจุบัน (ร้อยละ 49.0) และบัณฑิตได้นำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้มาก (ร้อยละ 45.2) บัณฑิตมีความพึงพอใจต่อคุณลักษณะและความสามารถในกาทำงานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติในภาพรวมทั้ง 6 ด้าน อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก (x̄ = 3.92) และผลการพัฒนาคุณลักษณะพิเศษของบัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄=4.23) โดยไม่มีค่าเฉลี่ยคุณลักษณะของบัณฑิตเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย คือ (1) ด้านคุณธรรม จริยธรรม (x̄=4.26) (2) ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (x̄=4.10) (3) ด้านทักษะทางปัญญา (x̄=4.00) (4) ด้านความรู้ (x̄=3.81) (5) ด้านทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพ (x̄=3.75) และ (6) ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (x̄=3.65) บัณฑิตประเมินความสามารถในการทำงานด้านคุณลักษณะพิเศษของบัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄=4.23) เมื่อพิจารณาคุณลักษณะย่อยที่ได้รับการประเมินอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ (1) สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ มีจิตอาสา (x̄=4.45) (2) ปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ (x̄=4.38) และ (3) มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ (x̄=4.35) บัณฑิตประเมินคุณลักษณะที่้เป็นจุดเด่น/จุดแข็ง ได้แก่ ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (ร้อยละ 39.8) ด้านทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพ (ร้อยละ 28.9) ด้านคุณธรรมจริยธรรม (ร้อยละ 26.6) ส่วนคุณลักษณะที่ควรปรับปรุงของบัณฑิต คือ ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ร้อยละ 60.9) 2. ความพึงพอใจของผู้บังคับบัญชา/นายจ้างที่มีต่อคุณลักษณะของบัณฑิต ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ผู้บังคับบัญชา/นายจ้างที่ทำการประเมินบัณฑิต ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 72.5) ตำแหน่งงานเป็นผู้บริหารระดับกลาง/ผู้จัดการ/หัวหน้าฝ่าย (ร้อยละ 78.8) ทำงานในหน่วยงานราชการ (ร้อยละ 46.3) และมีระยะเวลาที่ได้ร่วมงานกับบัณฑิตมากกว่า 3 เดือน-6 เดือน (ร้อยละ 51.3) ผู้บังคับบัญชา/นายจ้างมีความพึงพอใจต่อคุณลักษณะของบัณฑิต ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (Thai Qualification Framework for Higher Education) ในภาพรวมทั้ง 6 ด้านอยู่ในระดับพึงพอใจมาก (x̄=3.95) โดยด้านที่ผู้ใช้บัณฑิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดมี 2 ด้าน คือ (1) ด้านคุณธรรม จริยธรรม (x̄=4.31) และ (2) ด้านทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพ (x̄=4.21) ส่วนด้านที่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากเรียงตามลำดับได้ดังนี้ ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (x̄=4.03) ด้านความรู้ (x̄=3.79) ด้านทักษะทางปัญญา (x̄=3.75) และด้านการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (x̄=3.63) เรียงตามลำดับ ผลการพัฒนาคุณลักษณะพิเศษของบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม พบว่า ผู้บังคับบัญชา/นายจ้างมีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄=4.08) โดยคุณลักษณะพิเศษของบัณฑิตที่ได้รับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงตามลำดับ ได้ดังนี้ สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ (x̄=4.60) มีจิตอาสา (x̄=4.55) มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ (x̄=4.24) และมีความพร้อมในการทำงานได้ทันทีหลังสำเร็จการศึกษา (x̄=4.21) นอกจากนี้ผู้บังคับบัญชา/นายจ้างของบัณฑิตประเมินว่า บัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม มีคุณลักษณะที่เป็นจุดเด่น/จุดแข็ง คือ ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (ร้อยละ 53.8) รองลงมา คือ ด้านคุณธรรมจริยธรรม (ร้อยละ 26.3) ส่วนคุณลักษณะที่ควรปรับปรุงมากที่สุดได้แก่ ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ร้อยละ 50.0)
URI: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1374
Appears in Collections:Social Work and Social Welfare - Research Reports

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Siriporn-2560.pdf51.47 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.