Please use this identifier to cite or link to this item:
https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1687
Title: | การพัฒนาเครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุสำหรับพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน |
Other Titles: | The Tool Development for Screening the Risk of Primary Hypertension for Community Nurse Practitioner |
Authors: | นันท์นภัส สิทธิโกศล จริยาวัตร คมพยัคฆ์ วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย อรสา พันธุ์ภักดี Nannapat Sitthikoson Jariyawat Kompayak Vanida Durongrittichai Orasa Panpukdee King Chulalongkorn Memorial Hospital. Out-Patient-Department Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Nursing Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Nursing Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Nursing |
Keywords: | ความดันเลือด -- การวัด เครื่องวัดความดันโลหิต Blood pressure -- Measurement |
Issue Date: | 2007 |
Citation: | วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก 18,1 (ม.ค.-มิ.ย. 2550) : 44-59 |
Abstract: | การวิจัยเชิงบรรยายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง ชนิดไม่ทราบสาเหตุสำหรับพยาบาลเวชปฎิบัติชุมชน การพัฒนาเครื่องมือครั้งนี้ ประกอบด้วย3ขั้นตอนคือ 1) การกำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบของเครื่องมือ 2) การวิเคราะห์คุณภาพของเครื่องมือ 3) การสรุป โครงสร้างและองค์ประกอบของเครื่องมือ โดยศึกษาในกลุ่มตัวอย่างเพศชายและเพศหญิงอายุ 25-59 ปี จำนวน 201 ราย อาศัยในกรุงเทพมหานคร เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ การวัดความดันโลหิต วัดค่าดัชนีมวลกาย การประเมินพฤติกรรมเสี่ยงและการประเมินความเครียด วิเคราะห์ข้อมูลค้นหาปัจจัยทำนายด้วยสถิติวิเคราะห์ถดถอยจากกลุ่มตัวอย่าง 182 ราย เฉพาะผู้ที่มีความดันโลหิตปกติและผู้ที่มีภาวะก่อนความดันโลหิตสูง
ผลวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับค่าความด้นโลหิตไดแอสโตลิกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ค่าดัชนีมวลกาย (r = 0.338) อายุ (r = 0.334) เพศ (r = -0.265) และการบริโภคเกลือโซเดียมสูง (r = -0.171) ปัจจัยที่มีอำนาจทำนายภาวะความดันโลหิตสูง ได้แก่ เพศ (Exp(B) = 0.251, 95% Cl = 0.094-0.671) อายุ ( Exp(B) = 1.089, 95% Cl = 1.043-1.136) และค่าดัชนีมวลกาย (Exp(B) = 1.162, 95% Cl = 1.067-1.266) นำปัจจัยดังกล่าวทั้งหมดมาสร้างเครื่องมือ โดยให้ตัวแปร ในองค์ประกอบของเครื่องมือสามารถคัดกรองความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ ได้มากที่สุด โดยคำนึงถึงความสำคัญของนํ้าหนักตัวแปรที่มือิทธิพลต่อปัจจัยเสี่ยง และความสามารถนำไป ใช้ได้จริง รวมทั้งมีการกำหนดคะแนนความเสี่ยงให้กับข้อคำถามแต่ละข้อตามผลที่คำนวณได้และกำหนด เกณฑ์คะแนนความเสี่ยงรวมที่ได้พร้อมการแปลผลความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 มีความเสี่ยงน้อย หมายความว่า ผู้ให้บริการต้องให้คำแนะนำและติดตามการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมเสี่ยงเป็นระยะ ระดับ 2 มีความเสี่ยงปานกลาง หมายความว่า ผู้ให้บริการต้องให้คำแนะนำและติดตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสี่ยงสม่ำเสมอ และระดับ 3 มีความเสี่ยงมาก หมายความว่า ผู้ให้บริการต้องให้คำแนะนำและติดตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ผู้วิจัยเสนอแนะให้นำเครื่องมือคัดกรองที่ไดัพัฒนาขึ้นไปทดลองใช้กับประชากรที่อาศัยอยู่ในชุมชนต่างๆ และควรมีการประเมินคุณภาพ หลังจากได้นำไปทดลองใช้แล้ว The descriptive research was objected to develop a screening tool of primary hypertension which will be used by community nurse practitioner. There were three main processes: 1) Determine the structure and the component of the screening tool. 2) Analyze content validity and reliability. 3) Finalize the structure and component of the tool. This study was conducted in 201 people living in Bangkok Metropolitan using the primary questionnaire which composed of demographic, blood pressure measurement, body mass index (BMI), health risk behavior, and stress assessment. The statistical analysis using logistic regression statistic of 182 samples who had normal and pre-hypertension. The result showed that the statically significant factors relating to blood pressure were BMI (r = 0.338, p < 0.01), Age (r = 0.334, p < 0.01), Sex (r = -0.265, p < 0.01) and high sodium intake (r = - 0.171, p < 0.05) Among these factors, only three could be predictable factors of primary hypertension which were Sex (Exp(B) = 0.251, 95% CI = 0.094-0.671), Age (Exp(B) = 1.089, 95% CI = 1.043-1.136) and BMI (Exp(B) = 1.162, 95% CI = 1.067-1.266). All of these factors were included in developing the screening tool for community nurse practitioner and set the score for each factors. The total score was classified in 3 levels. The first lever was for the lowest risk that should be given an advice and then periodically fallowed up. The second level was for the moderate risk that the advice and reassessment must be frequently given. The last level was for the highest risk that the intensive management should be done. This questionnaire should be tested with other populations in various communities and should be reassessed its quality to be the effective tool for screening primary hypertension for community nurse practitioner. |
Description: | สามารถเข้าถึงบทความฉบับเต็มได้ที่ https://he02.tci-thaijo.org/index.php/journalthaicvtnurse/article/view/8461/7215 |
URI: | https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1687 |
Appears in Collections: | Nursing - Artical Journals |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Screening-the-Risk-of-Primary-Hypertension .pdf | 97.08 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.