ความสุขในการทำงานของบุคลากรโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช

Abstract

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินระดับความสุขในการทำงานและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในหน่วยงาน คุณภาพชีวิต และความสุขในการทำงานของบุคลากรที่ทำงานฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายบริการในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง จังหวัดนครศรีธรรมราชิ จำนวน 105 คน เป็นวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง ใช้แบบสอบถามให้ตอบเองเป็นเครื่องมือในการวิจัย โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมีนาคม – เมษายน 2561 วิเคราะห์ระดับและความสุขในการทำงานโดยใช้สถิติพรรณนา วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในหน่วยงาน คุณภาพชีวิต ความสุขในการทำงานของบุคลากรด้วยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการศึกษา พบว่า ระดับความสุขในการทำงานโดยรวมของบุคลากรที่ทำงานฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายบริการ โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 68.57 และระดับสูง ร้อยละ 30.48 โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.39 (95% CI; 3.29-3.50) ทั้งนี้ปัจจัยในหน่วยงาน ได้แก่ ผู้นำและนโยบายการบริหาร มีความสัมพันธ์เชิงบวกในทิศทางเดียวกันกับความสุขในการทำงานด้านน้ำใจดี สังคมดี และผ่อนคลายดี ในขณะที่สภาพแวดล้อมการทำงาน ความสัมพันธ์ในที่ทำงาน และลักษณะงานมีความสัมพันธ์เชิงบวกในทิศทางเดียวกันกับความสุขในการทำงานด้านน้ำใจดี และสังคมดี ส่วนคุณภาพชีวิต มีความสัมพันธ์เชิงบวกในทิศทางเดียวกันกับความสุขในการทำงานทุกด้าน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ข้อเสนอแนะ คือ ผู้บริหารควรร่วมกันเสริมสร้าง สนับสนุนสร้างความสุขในการทำงานในทุกด้านโดยเฉพาะด้านใฝ่รู้ดี ผ่อนคลายดี และสุขภาพการเงินดี เนื่องจากมีความสุขน้อยกว่าด้านอื่นๆ

The aims of this study were to assess the level of happiness at work and analyze the relationship between factors in the organization, quality of life, and the happiness at work of personnel working in support and service departments in a government hospital in Nakhon Sri Thammarat Province. This cross-sectional study was conducted from March to April 2018 among 105 participants. A self-administered questionnaire was used. Descriptive statistics were used to access the level of happiness. The Pearson’s Product-Moment Correlation Coefficient was used to analyzed the relationship between happiness at work, factors of organization, and quality of life. The result showed that the majority of participants (68.57%) had a fair level of happiness at work followed by a high (30.48%) (x̄ +-S.D; 3.39+-0.54, 95%CI; 3.29-3.50), respectively. While the factors of an organization comprised of leadership and management policy were positive correlations with happy heart, happy society and happy relax, respectively. In addition, working environment, workplace relationship, and job description were positive correlations with happy heart, happy society, respectively. All eight aspects of happiness at work were positive correlations with quality of life with the statistically significant level of 0.05. It is suggested that administrators need to work together to strengthen and support to build happiness at work in all aspects, especially happy brain, happy relax, and happy money. Since they were less happy at work than others aspect.