ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานเป็นทีม : กรณีศึกษา บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟูดส์ จำกัด

Abstract

การวิจัดครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงลักษณะข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ปัจจัยด้านการทำงาน และปัจจัยอื่น ๆ มีความสัมพันธ์ต่อการทำงานเป็นทีมของพนักงาน บริษัท เบอร์ลี่ ยุดเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ พนักงานบริษัทเบอร์ลี่ ยุดเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด จำนวน 346 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโปรแกรม SPSS For Windows จากการวิจัยได้ผลว่า เพศ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 52.20 และเพศชาย คิดเป็น ร้อยละ 47.80 ช่วงอายุ 18-24 ปี จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 10.75 ช่วงอายุ 25-31 ปี จำนวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 40.32 ช่วงอายุ 32-38 ปี จำนวน 50 คน การศึกษา ส่วนใหญ่มีการศึกษาปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 26.90 ระดับต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลาย คิดเป็นร้อยละ 26.30 ระดับอนุปริญญา หรือ ปวส. คิดเป็นร้อยละ 19.90 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ ปวช. คิดเป็นร้อยละ 19.40 และสูงกว่าปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 7.50 ตำแหน่งงาน ส่วนใหญ่มีดำเเหน่งงานอยู่ในระดับปฏิบัติการมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 79.00 รองลงมาอยู่ในตำแหน่งระดับหัวหน้างาน ร้อยละ 12.90 และตำแหน่งระดับผู้บผู้บริหาร ร้อยละ 8.10 สถานภาพ ส่วนใหญ่มีสถานภาพโสด คิดเป็นร้อยละ 51.10 รองลงมามีสถานภาพสมรส ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 39.20 และมีสถานภาพสมรส หย่าร้าง คิดเป็นร้อยละ 3.80 เมื่อพิจารณาระดับของปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานเป็นทีม อันได้แก่ การกำหนด วัตถุประสงค์การดำเนินงานของทีม บรรยากาศและสภาพแวดล้อมของและภาวะผู้นำ ที่มีผลต่อการทำงานเป็นทีม สามารถแจกแจงเป็นค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐามดังนี้

1. ด้านการกำหนดวัตถุประสงค์ ระดับความคิดเห็นในปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานเป็นทีมในทัศนคติของพนักงาน พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับดี โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.57 โดยพบว่า ทุกคนในทีมมีโอกาสในการกำหนดวัตถุประสงค์ร่วมกันสูงที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.67 รองลงมา คือ วัตถุประสงค์เขียนเป็นเอกสารและเข้าใจง่าย โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.62 และผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชามีความเข้าใจต่อกัน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.61 ตามสำคับ 2. ด้านการพัฒนาการทำงาน ระดับความคิดเห็นในปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานเป็นทีมในทัศนคติของพนักงาน พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับดี โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.57 โดยพบว่า มีการแบ่งหน้าที่การทำงานโดยชัดเจนสูงที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.56 รองลงมา คือ ทุกคนรู้หน้าที่ตนเอวและหน้าที่คนอื่นชัดเจน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.77 และมีการประชุมแผนกหรือหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันเป็นประจำ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.60 ตามลำดับ 3. ด้านบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของทีม ระดับความคิดเห็นในปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานเป็นทีมในการทำงานของพนักงาน พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยพบว่า เมื่อมีปัญหาในการทำงานเกิดขึ้นจะใช้วิธีการประชุมเพื่อหาสาเหตุและแนวทางแก้ไขร่วมกันสูงที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.69 รองลงมา คือ ใช้มตีเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมในการตัดสินใจในการทำงาน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.65 และบรรยากาศในการทำงานเป็นไปอย่างอิสระและปลอดภัย โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.49 ตามลำดับ 4. ด้านภาวะผู้นำ ระดับความคิดเห็นในปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานเป็นทีมในการทำงานของพนักงาน พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับดี โดยพบว่า สูงมีความจริงใจและทุ่มเทให้กับทีมงานสูงที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.69 รองลงมา คือ มีการให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะแก่ทีมงาน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.67 อิสระและปลอดภัย โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.49 ตามลำดับ