Please use this identifier to cite or link to this item: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/4384
Title: การปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ : กรณีศึกษา บริษัท ไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด
Other Titles: Efficiency improvement of production process for automotive parts industry. case study : Thai Summit Autoparts Industry Co., Ltd.
Authors: พิชิต สุขเจริญพงษ์
Pichit Sukchareonpong
วรรณา ศรีทอง
Wanna Sritong
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Business Administration
Keywords: อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์
Automobile supplies industry
การควบคุมการผลิต
Production control
การวางแผนการผลิต
Production planning
การเพิ่มผลผลิตทางอุตสาหกรรม
Industrial productivity
ระบบการผลิตแบบทันเวลา
Just-in-time systems
การบริหารคุณภาพโดยรวม
Total quality management
บริษัทไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด
Thai Summit Autoparts Industry Co.Ltd.
Issue Date: 1999
Publisher: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
Abstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาถึงเทคนิคที่จะนำมาใช้ในการสร้างประสิทธิภาพในการบริหารการผลิตขององค์กรในภาคอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ให้สามารถสร้างความเข้มแข็งเพื่อความอยู่รอดต่อไปได้ 2. เพื่อศึกษาการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการวางแผนและควบคุมการผลิต ของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ โดยใช้กรณีศึกษาจาก บริษัทไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างของภาคอุตสาหกรรม โดยใช้แบบสอบถามจำนวน 20 ตัวอย่าง ซึ่งแนวการศึกษาจะมองภาพรวมของอุตสาหกรรมนี้มีว่ามีการนำกิจกรรมใดบ้างมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตขององค์กร และผลสำเร็จจากการทำกิจกรรมเป็นอย่างไร ศึกษาข้อมูลวิธีการวางแผนและควบคุมการผลิตของบริษัทไทยซัมมิทฯ โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากฝ่ายวางแผน ฝ่ายการตลาดและฝ่ายผลิตรวมทั้งการศึกษาข้อมูลทางสถิติของการควบคุมการผลิต และการดำเนินกิจกรรมของบริษัทตั้งแต่เดือนมกราคม 2541 ถึง ธันวาคม 2541 เพื่อนำมาเปรียบเทียบผลการปรับปรุงประสิทธิภาพ จากผลการวิจัยพบว่า ในภาพรวมของอุตสาหกรรม ทางด้านการวางแผนและควบคุมการผลิตส่วนใหญ่บริษัทที่มีขนาดกลางและขนาดใหญ่จะมีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในกระบวนการวาง ซึ่งโปรแกรมที่นำมาใช้จะมีทั้งโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีระบบ MRP และโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นเองภายในบริษัท ส่วนบริษัทที่มีขนาดเล็กจะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ พีซี ทั่วไป ที่ไม่มีโปรแกรมมาช่วยในการวางแผน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าบริษัทที่ใช้ระบบ MRP จะมีปัญหาเกี่ยวกับการจัดซื้อวัตถุดิบ และสินค้าล้าสมัยน้อยที่สุด ส่วนบริษัทที่ใช้ พีซี จะมีปัญหามากที่สุด และในส่วนของกิจกรรมที่นิยมนำมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพนั้นจะประกอบไปด้วย กิจกรรม 5 ส Safety, TPM, QCC, JIT, ISO9000 และ QS9000 ซึ่งจากการสำรวจพบว่าการนำกิจกรรมมาใช้ทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตของแต่ละบริษัทดีขึ้นและทำให้สามารถลดต้นทุนได้ จากการศึกษา พบว่ากระบวนการในการวางแผนและควบคุมการผลิตใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาโปรแกรมขึ้นมาใช้เองตามความเหมาะสมของบริษัท แต่จากการศึกษาพบว่าขั้นตอนต่างๆ ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมายซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายให้กับบริษัท แต่ที่ผ่านมาได้มีการจัดหากิจกรรมต่างๆ เข้ามาช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตอย่างต่อเนื่องและกิจกรรมที่ทำให้การปรับปรุงประสิทธิภาพของบริษัทได้อย่างชัดเขนอย่างมาก ก็คือ กิจกรรม ISO9002 และกิจกรรม QS9000 ซึ่งทำให้ปัญหาต่างๆ ลดน้อยลง แต่ยังไม่หมดทั้ง 100% ดังนั้นปัจจุบันจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการวางแผนและควบคุมการผลิต โดยการนำโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีระบบ MRP เข้ามาใช้และอยู่ในขั้นทดลองใช้จากาผลที่ออกมาที่เห็นได้ชัดก็คือ ข้อมูลททางด้านการวางแผนและควบคุมการผลิตที่ได้รับจากระบบถูกต้องและเป็นมาตรฐานมากขึ้น และระบบการไหลเวียนและความต่อเนื่องของข้อมูลเป็นระบบมากขึ้น ข้อมูลทางด้านสต็อกทันสมัยและถูกต้องกว่าเดิมการทำงานลดความซ้ำซ้อนลงสามารถติดตามผลผลิตได้ตลอดเวลาและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
Description: ภาคนิพนธ์ (บธ.ม.) (บริหารธุรกิจ) -- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 2542
URI: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/4384
Appears in Collections:Business Administration - Independent Studies

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Efficiency-Improvement-of-Production-Process-for-Automative-Parts-Industry.pdf
  Restricted Access
13.24 MBAdobe PDFView/Open Request a copy


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.