การลงทุนในธุรกิจการส่งออกปลาสวยงาม 5 ชนิด ได้แก่ ปลาหางนกยูง ปลานีออนเตตรา ปลาทอง ปลากัด และปลาแพลทตี้ ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา : การวิเคราะห์การเงิน และการตลาด

Abstract

การศึกษาเรื่อง การลงทุนในธุรกิจการส่งออกปลาสวยงาม 5 ชนิด ได้แก่ ปลาหางนกยูง ปลานีออกเตตรา ปลาทอง ปลากัด และปลาแพลทตี้ เพื่อการส่งออกไปยังไปประเทศสหรัฐอเมริกา : การวิเคราะห์การเงิน และการตลาด มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาวิเคราะห์ถึงภาพรวมของธุรกิจการส่งออกปลาสวยงาม 5 อันดับแรกที่มียอดการจำหน่ายสูงสุดจากประเทศไทย ได้แก่ ปลาหางนกยูง ปลานีออกเตตรา ปลาทอง ปลากัด และปลาแพลทตี้ เพื่อส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน และแนวโน้มการเติบโตของตลาดต่อไปในอนาคต 2) ศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างการลงทุน การดำเนินงานทางการตลาดและผลประกอบการทางการเงินของผู้ประกอบการส่งออกปลาสวยงาม 6 อันดับแรกของไทย ไปตลาดสหรัฐอเมริกา 3) ศึกษาถึงปัจจัยความสำเร็จหรือล้มเหลวของผู้ประกอบการส่งออกปลาสวยงามจากกรณีศึกษาทั้ง 6 กรณีศึกษา ในมิติการดำเนินงานทางด้านการเงินและการตลาด 4) สรุปผลการศึกษาถึงความน่าสนใจในการลงทุนของผู้ประกอบการรายใหม่ในธุรกิจส่งออกปลาสวยงามว่ามีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใดทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางสำหรับผู้ที่จะเข้าสู่ธุรกิจการส่งออกปลาสวยงามทั้งในรูปของผู้ประกอบการรายใหม่และผู้ที่สนใจโดยทั่วไป ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้วิธีการสัมภาษณ์บุคคลในเชิงลึก (In-Depth Interview) ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกปลาสวยงาม 6 รายหลักของประเทศไทย ซึ่งแบ่งหัวข้อการสัมภาษณ์ออกเป็น ด้านข้อมูลทั่วไป ด้านการลงทุนทางการเงิน ด้านการตลาด และคุณสมบัติของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จรวมทั้งแนวโน้มตลาดปลาสวยงามของประเทศไทยในอนาคต ผลการศึกษาพบว่า ธุรกิจการส่งออกปลาสวยงามเป็นธุรกิจที่น่าสนใจลงทุนอีกธุรกิจหนึ่ง เนื่องจากมีกำไรขั้นต้นที่สูงกว่า การขายปลาสวยงามภายในประเทศและมีระยะเวลาในการคืนทุนเร็ว การตลาดในต่างประเทศยังมีอัตราการขยายตัวที่ดี (10-15% ต่อปี) และแนวโน้มตลาดส่งออกปลาสวยงามของประเทศไทยในอนาคตก็ขยายตัวดีเช่นกัน อีกทั้งคู่แข่งขันมีจำนวนน้อยราย แต่ธุรกิจการส่งออกปลาสวยงามเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน อีกทั้งยังต้องมีความรักและความทุ่มเทอย่างมากถึงจะก้าวไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้ อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยนี้มีข้อจำกัดในเรื่องระยะเวลาในการทำวิจัย และขอบเขตของการศึกษาที่จำกัดเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ ดังนั้นในลำดับต่อไป หากมีผู้สนใจศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในด้านนี้ ควรขยายขอบเขตการศึกษาวิจัยถึงผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ อีกทั่วประเทศ เพื่อให้ได้ผลการวิจัยและผลสรุปภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามผู้วิจัยก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การวิจัยและผลการวิจัยนี้ จะสามารถนำเสนอข้อมูลบางส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อการต่อยอดงานวิจัยดังกล่าวในอนาคตได้เป็นอย่างดี