Abstract:
การศึกษางานวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพฤติกรรมการซื้อข้าวสารของผู้บริโภค โดยมีหลักเกณฑ์การเลือกข้าวสารที่สำคัญที่ผู้บริโภคทำการพิจารณาก่อนการซื้อข้าวสารของผู้บริโภรคในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัยเชิงปริมาณอย่างเดียว ได้แก่ แบบสอบถาม โดยสอบถามจากในเขตอำเภอบางพลี จำนวน 400 ชุด โดย 1 ครัวเรือน ได้แบบสอบถาม 1 ชุด การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) และใช้สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) การวิจัยครั้งนี้กำหนดความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีสถานภาพโสด มีรายได้รวมต่อเดือนของครอบครัวเฉลี่ย 10,001-20,000 บาท มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 1-2 คน พฤติกรรมการซื้อข้าวสารของผู้บริโภคในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พบว่า ประเภทข้าวสารที่ซื้อเป็นข้าวสารใหม่ เป็นอันดับแรก จะซื้อข้าวสารเก่าเป็นอันดับรองลงมาเป็นอันดับที่สอง โดยลักษณะการซื้อข้าวสารจะเป็นการซื้อข้าวสารบรรจุถึง 5 กิโลกรัมเป็นส่วนใหญ่ เหตุผลในการซื้อของผู้บริโภค เพราะหาซื้อหาได้สะดวก ประหยัดเวลา อันดับรองลงมาเป็นการซื้อข้าวสารบรรจุถัง 15 กิโลกรัม เหตุผลในการซื้อของผู้บริโภค เพราะต้องใช้ในการบริโภคปริมาณมาก การซื้อข้าวสารของผู้บริโภรคจะซื้อเดือนละครั้ง มีการซื้อข้าวสาร ในร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่มีข้าวสารให้เลือกตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ผู้ที่มีอิทธิพลในการซื้อข้าวสารส่วนใหญ่ คือ ตัวท่านเองที่ทำการซื้อข้าวสารในแต่ละครั้ง พฤติกรรมการซื้อข้าวสารของผู้บริโภค มีหลักเกณฑ์โดยพิจารณาจากลักษณะทางกายภาพของข้าวสารทั้งในรูปทรง เมล็ด และสีของข้าวสาร รวมทั้งผู้บริโภคส่วนใหญ่มีการวัดความชื้นในการซื้อข้าวสารทุกครั้งที่มีความสำคัญมาก ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ข้อมูลส่วนบุคคล พบว่ กลุ่มตัวอย่างที่มี เพศ รายได้ รวมต่อเดือนของครอบครัวและสมาชิกในครอบครัว มีผลต่อพฤติกรรมการซื้อข้าวสารในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และสถานภาพมีผลต่อพฤติกรรมการซื้อช้าวสารในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และข้อมูลส่วนตัวจำแนกตามเพศ สถานภาพ รายได้รวมต่อเดือนของครอบครัว และสมาชิกในครอบครัว มีผลต่อหลักเกณฑ์การเลือกซื้อข้าวสารตามลักษณะทางภายภาพของข้าวสาร มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05