Abstract:
วัตถุประสงค์เพื่อทราบปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทและเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของบริษัท เพื่อให้บริษัทสามารถนำไปพัฒนาแผนทางการตลาดของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ การศึกษาในครั้งนี้ใช้ข้อมูลปฐมภูมิที่ได้รับจากการสัมภาษณ์เชิงลึก เลือกตัวอย่างโดยไม่คำนึงถึงความน่าจะเป็นแบบการสุ่มตัวอย่างพิจารณาแบบวิธีเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 12 คน และข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลประเภทเอกสารและเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Document) ได้แก่ ตำราวิชาการ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร บทความต่างๆ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องนำมาประกอบการวิเคราะห์ แล้วใช้การวิเคราะห์เชิงพรรณนาและเปรียบเทียบข้อมูลโดยอาศัยแนวคิดและทฤษฎี คือ Five Forces Analysis, SWOT Analysis, ส่วนประสมทางการตลาดผลการวิจัย พบว่า ภาวะหลักทรัพย์ได้รับผลกระบทจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก โดยปัจจัยภายนอกที่มีอิทธิพลมาจากภาวะเศรษฐกิจของอเมริกา ชะลอตัวและปัญหาตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา ส่วนปัจจัยภายในมีอิทธิพลจากความวุ่นวายทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว แนวโน้มการลงทุนของภาครัฐบาลและจากต่างประเทศ แนวโน้มในอนาคตจะมีการอาศัยพันธมิตรทางธุรกิจจากต่างประเทศมากขึ้น หากเปิดเสรีค่าธรรมเนียมแล้ว บริษัทหลักทรัพย์มีแนวโน้มจะควบรวมกันเพื่อลดต้นทุนและเพื่อประสิทธิภาพ บริษัทฯ ต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ของบริษัทให้มีรายได้จากตลาดส่วนอื่น เช่น ตลาดอนุพันธุ์ ตลาดฟิวเจอร์ กองทุน และมีการออกสินค้าใหม่ๆ หรือรุกเข้าหาตลาดอื่น เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด กลยุทธ์ที่บริษัทควรใช้คือ การลดราคา และมีสินค้าที่หลากหลายขึ้นปัญหาที่บริษัทต้องปรับปรุงก่อน คือ บริษัทยังไม่มีการประชาสัมพันธ์และเป็นแกนนำในในการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ข้อเสนอแนะที่ผู้วิจัยเสนอ คือ เพิ่มสื่อประชาสัมพันธ์ใหม่ๆ สร้างจุดดึงดูดของบริษัท เช่น การส่งข่าวสารผ่านระบบ SMS การปรับปรุงบทวิจัยของบริษัท การนำบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ เข้าตลาดหลักทรัพย์ นำเอาบทวิเคราะห์ของต่างประเทศมาช่วยสนับสนุน การให้สัมมนาเกี่ยวกับการลดภาษีโดยการใช้กองทุนรวม RMF, LTF เพื่อผลประโยชน์ทางภาษีให้แก่บริษัทต่างๆ