ในปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งทอได้มุ่งเน้นพัฒนาสิ่งทอที่มีคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งทอที่มีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ งานวิจัยนี้ศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของตัวอย่างสิ่งทอ จากบริษัท เพอร์มา คอร์ปอเรชั่น จํากัด (Perma Corporation Co., Ltd.) ที่มีส่วนประกอบของนาโนซิงค์ออกไซด์ในสัดส่วนความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ต่อการยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค 5 ชนิด ได้แก่ Staphylococcus aureus, Klebsiella pneumoniae, Escherichia coli, Pseudomonas aeruginosa และ Candida albicans ผลการศึกษาด้วยการทดสอบฤทธิ์การต้านเชื้อแบคทีเรียของสิ่งทอด้วยการทดสอบเชิงคุณภาพ โดยวิธี AATCC 147-2012 Parallel method และ JIS L 1902 Halo method-2008 และผลการทดสอบฤทธิ์การต้านเชื้อแบคทีเรียบนสิ่งทอด้วยการทดสอบเชิงปริมาณโดยวิธี AATCC 100-2012 ก่อนการซัก พบว่าตัวอย่างสิ่งทอทุกชนิดไม่สามารถลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียได้หลังจากเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง แต่หลังการซัก 5 ครั้ง พบว่า สิ่งทอถักย่อมสำเร็จ ที่ผสมนาโนซิงค์ออกไซด์ มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญของเชื้อ Pseudomonas aeruginosa ได้ 99.93 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่สิ่งทอที่ไม่มีนาโนซิงค์ออกไซด์ในเส้นใยผ้าเชื้อสามารถเจริญเติบโตได้เพิ่มจํานวนได้ และผลการทดสอบการยับยั้งเชื้อราบนสิ่งทอเชิงคุณภาพ โดยวิธี AATCC 30 part 3-2004 พบว่าตัวอย่างสิ่งทอที่ผสมนาโนซิงค์ออกไซด์ทุกชนิด สามารถยับยั้งการเจริญของยีสต์ Candida albicans ได้ งานวิจัยนี้แสดงให้ว่าสามารถนําตัวอย่างสิ่งทอไปพัฒนาเป็นนวัตกรรมสิ่งทอเพื่อใช้ทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้า ชุดชั้นใน ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ทั้งชนิดที่ทําให้เกิดกลิ่น และก่อโรคได้
Recently, the fabric industry tends to develop specific products with an emphasis on the improvement of life quality. One of the prominent products is the fabric with the antimicrobial property. With this study, antimicrobial activity of fabric sample from Perma corporation Co, Ltd. containing a various density of ZnO nanoparticles against 5 pathogenic bacteria i.e. Staphylococcus aureus, Klebsiella pneumoniae, Escherichia coli, Pseudomonas aeruginosa and
Candida albicans. was evaluated. The AATCC 147-2012 Parallel method and JIS-L 1902 Halo method-2008 were used for qualitative analysis while the AATCC 100-2012 method was used for quantitative analysis. It was found that there was no antibacterial activity in the new fabric during 24 h test. However, 99.93% inhibition of Pseudomonas aeruginosa was detected after 5 times washing of nano-ZnO fabric while no antimicrobial activity was found in control without nanoZnO. Antifungal activity showed that all types of fabric sample containing of ZnO nanoparticle could inhibit the growth of Candida albicans. Results from this research showed that the nano-ZnO fabric could be potentially used for the medical process, general clothing and lingerie products as it can inhibit odor-producing yeast and pathogenic bacteria.
