DSpace Repository

การดูแลหญิงที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

Show simple item record

dc.contributor.author กาญจนา ศรีสวัสดิ์
dc.contributor.author อรพินท์ สีขาว
dc.contributor.author Kanjana Srisawat
dc.contributor.author Orapin Sikaow
dc.contributor.other Western University. Faculty of Nursing en
dc.contributor.other Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Nursing en
dc.date.accessioned 2025-01-19T04:11:07Z
dc.date.available 2025-01-19T04:11:07Z
dc.date.issued 2014
dc.identifier.citation วารสารพยาบาลทหารบก 15, 2 (พ.ค. - ส.ค.) 2557 : 50-59. en
dc.identifier.uri https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/3541
dc.description สามารถเข้าถึงบทความฉบับเต็ม (Full Text) ได้ที่ : https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JRTAN/article/view/25156/21418 en
dc.description.abstract การตั้งครรภ์ชักนำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทำให้ทารกมีขนาดใหญ่ เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและเป็นโรคเบาหวานในเวลาต่อมา พบว่ามีหญิงตั้งครรภ์จำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ตั้งแต่การฝากครรภ์ครั้งแรก และหญิงทั่วไปในสัปดาห์ที่ 24 - 28 ของการตั้งครรภ์ โดยการทดสอบการทนต่อกลูโคส (OGTT) 75 กรัม และใช้จุดตัดของระดับน้ำตาลในเลือดที่ ≥ 92, 180, 153 มก./ดล. หารหลังการอดอาหาร หลังการดื่มกลูโคส 1 และ 2 ชั่วโมง ตามลำดับ ถ้ามีความผิดปกติแม้เพียงหนึ่งค่า ให้ถือว่าเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การติดตามคัดกรองโรคเบาหวาน 6 - 12 สัปดาห์หลังคลอด ใช้เกณฑ์เช่นเดียวกับคนปกติ และติดตามต่อไปทุก 1 - 3 ปี ในกลุ่มที่จัดว่าเป็นโรคเบาหวานแอบแฝง (prediabetes) ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยการลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ปรับแบบแผนการรับประทานอาหารให้ถูกต้อง ร่วมกับการใช้ยาเม็ทฟอร์มิน (metformin) ตลอดจนดูแลปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด การมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนต่อกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จะช่วยให้สามารถติดตามและให้การดูแลรักษาผู้ป่วยระหว่างตั้งครรภ์ ป้องกันไม่ให้เกิดโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ และในระยะหลังคลอด ถึงแม้ว่าการดูแลรักษาโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่เป็นการปฏิบัติที่คุ้มค่าเพราะช่วยลดอัตราการเกิดโรคเบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับความผิดปกติทางเมตาบอลิซึมในมารดาและทารกในอนาคต en
dc.description.abstract Gestational diabetes mellitus (GDM) induces to develope Type 2 diabetes mellitus, causes themacrosomia, neonatal hypoglycemia and diabetes. Many pregnant women are undiagnosed GDM, it is very important to screen this vulnerable group at the first prenatal visit and all pregnant women between the 24thand 28th week of gestation with 75 g OGTT. One or more abnormal value (≥ 92, 180 or 153 mg/dl for fasting, 1-hour and 2-hour plasma glucose, respectively) is diagnostic of GDM. Follow-up program should be screen at the 6 - 12 weeks postpartum and at 1-3 year intervals using nonpregnant criteria. The prediabetes should be educated regarding lifestyle modifications including weight reduction, exercise, diet modification, metformin therapy and treatment of other CVD risk factors. The practice guideline should be implemented to the risk diabetes group and the GDM to follow up and treatment for perinatal care, preventing of GDM and long term care to prevent post partum diabetes. Although the managements of diabetes and GDM are expense, they provide many benefits for long term reduction of diabetes mellitus and metabolic disorders in the mother and the offspring in the future en
dc.language.iso th en
dc.subject เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน en
dc.subject Non-insulin-dependent diabetes en
dc.subject Diabetes Mellitus, Type 2 en
dc.subject ผู้ป่่วยเบาหวาน en
dc.subject Diabetics en
dc.subject ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ en
dc.subject Pregnancy – Complications en
dc.subject เบาหวานขณะตั้งครรภ์ en
dc.subject Diabetes in pregnancy en
dc.title การดูแลหญิงที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ en
dc.title.alternative Management for Gestational Diabetes Mellitus en
dc.type Article en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account