Abstract:
การวิจัยเรื่อง บทบาทของพระสงฆ์ในการอบรมจริยธรรมแก่พุทธศาสนิกชน : ศึกษาเฉพาะพระสงฆ์ภาคกลาง ในธรรมวินัยเป็นหลักธรรมที่สำคัญที่สุดสำหรับพุทธศาสนิกชนโดยเฉพาะพระสงฆ์ซึ่งเป็นข้อบัญญัติเพื่ออุดหนุนค้ำจุนวิจยของพระสงฆ์ในความเจริญงอกงามของข้อวัตรปฏิบัติในการดำรงพระศาสนา อีกทั้งให้ความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมนั่นก็คือ ศีล สมาธิ และปัญญา เป็นแก่นแท้ของการเจริญไตรสิกขาที่ถูกต้องตามหลักกระบวนการของพุทธศาสนิกชน แต่กระแสสังคมสมัยใหม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อความเจริญรุ่งเรื่องพระศาสนา โดยมีจุดเน้นในการสร้างจุดแข็งทำให้เกิดค่านิยมเป็นสิ่งงดงามที่สำคัญ คือ บุญนิยม วัตถุนิยม ทุนนิยมและจิตนิยม นำไปสู่ในความเป็นเอกลักษณะทางวัฒนธรรมอันดีงาม เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมอย่างบริบูรณ์ไปโดยตลอด
ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวิธีการเชิงสำรวจ (Survey Research) ใช้แบบสอบถาม ในการเก็บข้อมูล เพื่อศึกษาบทบาทของพระสงฆ์ในการอบรมจริยธรรมแก่พุทธศาสนิกชน : ศึกษาเฉพาะพระสงฆ์ภาคกลาง จำนวน 384 รูป และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ SPSS/PC เพื่อศึกษาสถิติเชิงพรรณนา และการทดสอบ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์
ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20-30 ปี อยู่ในช่วงพรรษา 1-5 มีการศึกษาฝ่ายโลก ระดับมัธยมศึกษา/ปวช. การศึกษาฝ่ายปริยัติธรรม ระดับนักธรรมชั้นเองและส่วนใหญ่ไม่ได้ศึกษาฝ่ายธรรมบาลี จำพรรษาวัดประเภทปริยัติธรรมฝ่ายธรรม
ในการปฏิบัติกิจวัตรของพระสงฆ์ พบว่า การปลงอาบัติอยู่ในลำดับแรก ส่วนรองลงมาการกวาดลานวัดลานเจดีย์ การพิจารณาปัจเวกขณ์ การขวนขวายเรียนธรรมวินัย การทำวัตรและสวดมนต์ไหว้พระ การอุปฏฐากอุปัชฌาย์อาจารย์ การเอาใจใส่กิจสงฆ์ การบริหารสิ่งของและร่างกาย การดำรงตนให้น่าไหว้ การบิณฑบาต เป็นต้น
ส่วนพื้นฐานแก่นแท้ของหลักธรรม ด้านการปฏิบัติตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา อยู่ในระดับปานกลาง
บทบาทในการอบรมจริยธรรมแก่พุทธศาสนิกชน ในแนวสังคมสมัยใหม่พบว่า ที่ให้ความเชื่อถือเห็นว่า บุญนิยมอยู่ลำดบที่แรก รองลงมา วัตถุนิยม ทุนนิยมและจิตนิยมอันดับท้ายสุด
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านพื้นฐานทางพระพุทธศาสนากิจวัตรของพระสงฆ์ และบทบาทในการอบรมจริยธรรมแก่พุทธศาสนิกชนพบว่า
1. การปฏิบัติตามศีล สมาธิ ปัญญา มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติตามกิจวัตรของพระสงฆ์ทุกข้อ และการมีบทบาทในการอบรมจริยธรรมทุกบทบาท
2. พระสงฆ์ที่มีบทบาทในการอบรมจริยธรรมตามหลักบุญนิยมจะมีการปฏิบัติกิจวัตรสูงในด้าน ขวนขวายเรียนธรรมวินัย การทำวัตรและสวดมนต์ไหว้พระ การพิจารณาปัจเวกขณ์ การดำรงตนให้น่าไหว้ การอุปฏฐากอุปัชฌาย์อาจารย์ การบริหารสิ่งของและร่างกาย การกวาดลานวัด ลานเจดีย์ เอาใจใส่กิจของสงฆ์
3. พระสงฆ์ที่มีบทบาทในการอบรมจริยธรรมตามหลักวัตถุนิยมจะมีการปฏิบัติกิจวัตรสูงในด้านการทำวัตรและสวดมนต์ไหว้พระ การบริหารสิ่งของและร่างกาย เอาใจใส่กิจของสงฆ์ การอุปฏฐากอุปัชฌาย์อาจารย์ การกวาดลานวัด ลานเจดีย์ การดำรงตนให้น่าไหว้ การพิจารณาปัจเวกขณ์ การบิณฑบาต
4. พระสงฆ์ที่มีบทบาทในการอบรมจริยธรรมตามหลักทุนนิยมจะมีการปฏิบัติกิจวัตรสูงในด้าน การดำรงตนให้น่าไหว้ การบริหารสิ่งของและร่างกาย ขวนขวายเรียนธรรมวินัย การทำวัตรและสวดมนต์ไหว้พระ การพิจารณาปัจเวกขณ์ การกวาดลานวัด ลานเจดีย์ การอุปฏฐากอุปัชฌาย์อาจารย์ เอาใจใส่กิจของสงฆ์
5. พระสงฆ์ที่มีบทบาทในการอบรมจริยธรรมตามหลักจิตนิยมจะมีการปฏิบัติกิจวัตรสูงในด้าน การบริหารสิ่งของและร่างกาย การดำรงตนให้น่าไหว้ การพิจารณาปัจเวกขณ์ การทำวัตรและสวดมนต์ไหว้พระ ขวนขวายเรียนธรรมวินัย การอุปฏฐากอุปัชฌาย์อาจารย์ การบิณฑบาต
จากผลการวิจัย ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะได้ว่า สถาบันที่เกี่ยวข้องทางพระพุทธศาสนา กรมการศาสนา ที่ได้รับผิดชอบตรวจดูความสงบเรียบร้อยและควรมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในด้านพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสมณสารรูปของพระสงฆ์ ซึ่งได้แก่องค์กรศาสนา วัดพุทธสถาน สำนักสงฆ์ ฯลฯ
โดยเฉพาะระดับผู้นำภายในวัด (เจ้าอาวาส) ควรให้ความสำคัญต่อกิจวัตรที่พระสงฆ์ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด โดยต้องมีมาตรการกำกับอย่างเข้มงวดเพื่อแก้ไขพฤติกรรมของพระสงฆ์ ขณะนี้สังคมได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วควรมีการพัฒนาแนวทางที่ดีต่อพุทธศาสนิกชน ให้มีความเข้าใจเพื่อเป็นที่พึ่งที่นับถือและศรัทธาต่อพระสงฆ์ ควรละดระดับการพัฒนาวัตถุและหันมาพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกิดสันติสุขตลอดไป