ผลวิเคราะห์สารประกอบฟีนอลิกรวมและสารประกอบฟลาโวนอยด์ของสมุนไพรจีน: ชังจู๋ ไป๋จู๋ และ หวงเหลียน

Abstract

ภาวะที่มีความเสื่อมของร่างกายหรือการเป็นโรคเรื้อรังนาน ๆ อาจทําให้เกิดภาวะเครียดออกซิเดชัน (Oxidative stress) งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปริมาณสารประกอบฟินอลิกรวมและสารประกอบฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระโดยวิเคราะห์การดูดกลืนแสงตามวิธี Folin-Ciocalteu method และวิธี Aluminium nitrate colorimetric methodตามลําดับในสารสกัดสมุนไพรจีน 3ชนิด ได้แก่ ชังจู๋ ไป๋จู๋ และหวงเหลียน สกัดหยาบในตัวทําละลาย 95% Ethanol โดยชังจู๋ ไป๋จู๋ และหวงเหลียน ใช้เป็นส่วนประกอบของตํารับยาต้ม เพื่อปรับสมดุลการทํางานของกระเพาะอาหารและม้ามในการรักษาแบบแพทย์แผนจีน การศึกษาพบว่าปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวม ในสารสกัด ชังจู๋ ไป๋จู๋ หวงเหลียน เท่ากับ 1.95±0.48, 3.40±0.74 และ12.18±2.15mgGAE/g ตามลําดับ เมื่อนําสารสกัดชังจู๋ ไป๋จู๋ และหวงเหลียน มาหาปริมาณสารประกอบฟลาโวนอยด์ใน พบว่ามีปริมาณ เท่ากับ 8.45 ± 1.25,9.05 ± 0.56 และ 15.24 ± 1.77 mg QE/g ตามลําดับ งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดสมุนไพรหวงเหลียนมีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมและปริมาณสารประกอบฟลาโวนอยด์สูงที่สุด ในขณะที่ชังจู๋มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมและปริมาณสารประกอบฟลาโวนอยด์ต่ำที่สุด โดยหวงเหลียนมีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมและปริมาณสารประกอบฟลาโวนอยด์สูงกว่าชังจู๋และไปจู๋อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p < .05) ข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยนี้สามารถไปใช้พัฒนาสารสกัดสมุนไพรเป็นยาต่อไป ควรมีการศึกษาต่อยอดถึงกลไกการออกฤทธิ์ ความปลอดภัยในการใช้ยาสมุนไพร ทั้งในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลองต่อไป

The primary objective of this research was to quantify the total phenolic and flavonoid compounds in three types of Chinese herb extracts using the Folin-Ciocalteu method and the Aluminum Nitrate colorimetric method, respectively. The herbs analyzed were Atractylodes lancea (Thunb.) DC., Atractylodes macrocephalaKoidz, and Coptis chinensis Franch, all extracted with 95% methanol. These herbs are components of traditional Chinese medicine recipes used for the treatment of stomach and spleen disorders. The study found that the total phenolic compounds in Atractylodes lancea (Thunb.) DC., Atractylodes macrocephalaKoidz, and Coptis chinensisFranchwere 1.95±0.48, 3.40±0.74, and 12.18±2.15 mg GAE/g, respectively. The flavonoid compounds in Atractylodes lancea (Thunb.) DC., Atractylodes macrocephalaKoidz, and Coptis chinensisFranchwere 8.45±1.25, 9.05±0.56, and 15.24±1.77 mg QE/g, respectively. The results indicated that Coptis chinensisFranchextract showed the highest levels of total phenolic and flavonoid compounds, while Atractylodes lancea(Thunb.) DC. extract showed the lowest. Statistically significant differences (p < 0.05) were found between Coptis chinensisFranchand both Atractylodes lancea(Thunb.) DC. and Atractylodes macrocephalaKoidzin terms of both total phenolic and flavonoid compounds. To develop herbal extracts for medicinal use, further studies are needed on the mechanisms of action and the safety of using these herbal medicines in both in-vitroand in animal trials.