Abstract:
การศึกษาเรื่องการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของข้าราชการตำรวจและนักเรียนตำรวจครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของกลุ่มตัวอย่าง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม และปัจจัยที่ทำให้ข้าราชการตำรวจและนักเรียนตำรวจมีการใช้เหตุผลเชิงผลจริยธรรมต่างกัน โดยศึกษากลุ่มตัวอย่าง 318 คน เป็นข้าราชการตำนวจ 168 คน นักเรียนนายร้อยตำรวจ 81 คน และนักเรียนพลตำรวจ 69 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS/PC+ โดยใช้สถิติพรรณา การวิเคราะห์ความแปรปรวนและการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ
การศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยกำหนดให้มีตัวแปรอิสระ 3 กลุ่ม คือ ตัวแปรด้านชีวสังคม ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพการงาน ตำแหน่ง อายุการทำงาน สถานภาพสมรส รายได้ ความพอเพียงของรายได้ หนี้สิน และภาระการรับผิดชอบครอบครัว ปัจจัยด้านสังคม ได้แก่ การเห็นแบบอย่างที่ดี และปัจจัยด้านจิตใจ ได้แก่ การมีความเชื่อและการปฏิบัติทางศาสนา และตัวแปรตาม คือ การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม
ผลการศึกษาพบว่า ข้าราชการตำรวจและนักเรียนตำรวจมีการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมในระหว่างระดับ 4 และระดับ 5 คือ การใช้หลักการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์หรือหน้าที่ทางสังคม และหลักการทำตามข้อตกลงของสังคม ซึ่งเมื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้กลุ่มตัวอย่างมีการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมต่างกัน พบว่า มีเพียงสถานภาพการงานที่ต่างกันเพียงลักษณะเดียว ที่มีผลให้กลุ่มตัวอย่างมีการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยนักเรียนพลตำรวจมีการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมสูงที่สุด รองลงมา คือ นักเรียนนายร้อยตำรวจ ส่วนข้าราชการตำรวจมีระดับการใช้เหตุลเชิงจริยธรรมเฉลี่ยในระดับต่ำกว่ากลุ่มนักเรียนทั้งสองกลุ่ม
ส่วนปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของกลุ่มตัวอย่างนั้น ผู้วิจัยได้ใช้การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression) ในการวิเคราะห์โดยแยกวิเคราะห์ทีละกลุ่ม คือ กลุ่มข้าราชการตำรวจ กลุ่มนักเรียนนายร้อยตำรวจ และกลุ่มนักเรียนพลตำรวจ พบว่า มีเพียงปัจจัยเดียวที่มีอิทธิพลต่อการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของทั้ง 3 กลุ่ม คือ การเห็นแบบอย่างและกระทำตามแบบอย่างที่ดี
จากผลการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอแนะให้กรมตำรวจปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้แก่บุคลากรในหน่วยงาน เพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างเต็มที่และเป็นที่พึงพอใจ