วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เน้นศึกษาบทประพันธ์ร้อยแก้วของสวี่ตี้ซานเรื่อง "คงซานหลิงอวี่" และแก่นวัฒนธรรมด้านศาสนาอัน ได้แก่ ลัทธิเต๋าศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์อีกทั้งยังเปรียบเทียบและวิเคราะห์ทัศนคติด้านชีวิตและด้านคุณค่าของสังคมวัตถุนิยมในปัจจุบัน ที่มาของการเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์นี้ คือ การที่สวี่ตี้ซาน สามารถบรรยายความขัดแย้งของทัศนคติด้านชีวิตในหนังสือเรื่อง "คงซานหลิงอวี่" หนังสือเรื่อง "คงซานหลิงอวี่" นี้เป็นหนังสือรวมเล่มบทประพันธ์ร้อยแก้วยุคแรกๆ ของสวี่ตี้ซานในงานประพันธ์เล่มนี้แฝงความคิดแนวปรัชญาและศาสนาไว้มากมายในยุคสมัยดังกล่าว เขามองวรรณกรรมประหนึ่งงาน "ช่วยมนุษยชาติ" และมุ่งศึกษาทัศนคติด้านชีวิตเป็นหนังสือรวมเล่มบทประพันธ์ร้อยแก้วเล่มเล็กๆ ที่แสวงหาความหมายของชีวิต "คงซานหลิงอวี่" จัดได้ว่ามีทิศทางที่ชัดเจนก้าวหน้าบทประพันธ์เล่มนี้จะวิเคราะห์เจาะลึกปัญหาชีวิตมนุษย์ด้วยมุมมองที่กว้างและแตกต่างและเต็มไปด้วยแนวคิดเชิงปรัชญาในบทร้อยแก้วแต่ละเรื่องของหนังสือชุด "คงซานหลิงอวี่" จะเห็นได้ว่า สวี่ตี้ซานได้พยายามคิดวิเคราะห์ความหมายของชีวิตสวี่ตี้ซานได้รับอิทธิพลจากครอบครัวและการศึกษาหลังจากขบวนการ "4 พฤษภาคม" สังคมจีนเข้าสู่ยุคมือในขณะที่ความขัดแย้งความลำบากยากแค้นสะท้อนให้เห็นถึงมุมมืดของสังคมเหล่านี้ทำให้เขาเริ่มวิเคราะห์และมีความรู้สึกร่วม "คงซานหลิงอวี่" เปรียบประดุจกลอนพื้นบ้านและยังเหมือนดั่งภาพเขียนที่แฝงความหมายแสดงออกถึงความคิดและความรู้สึกที่มากมายและลึกซึ้งตัวอักษรที่เรียบง่ายกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนแต่ก็เต็มไปด้วยความรักคอยกระตุ้นสังคมและมนุษย์ให้มีความเข้มแข็งมีการสอดประสานจังหวะระหว่างความรู้สึกภายในและตัวอักษรภายนอกได้อย่างลงตัวเขากล้าที่จะเผชิญกับความสับสนวุ่นวายเมื่ออ่านบทประพันธ์ชุด "คงซานหลิงอวี่" จบแล้วจะพบว่าทัศนคติด้านชีวิตของ สวี่ตี้ซาน ได้รับอิทธิพลทั้งจากลัทธิขงจื๊อศาสนาพุทธลัทธิเต๋าศาสนาคริสต์เป็นต้น ในความต่างทางด้านวัฒนธรรมต่างก็มีหลักคิด "เกิดมาด้วยใจท่องโลกที่สับสน" ภราดรภาพทางพ้นทุกข์เพื่อแก้ไขหนทางที่ทุกข์ระทมพร้อมกับ "เรียกร้อง" "กู่ก้อง" "สรรเสริญ" "ชื่นชม"
The thesis analyze cultural essense of religions such as Taoism, Buddhism and Christainity, by which reflected in the prose corpus "Konhshan Lingyu" written by Xu Dishan. Combing with today's materialistic phenomena in society, it also comparatively analyzes the philosophy and value of life. Thesis is mainly based on the prose corpus "Kongshan Lingyu", in which collected his early proses. These proses are rich in philosophy and strong religious overtones. During the period he wrote these proses, Xu Dishan regarded literature as a work of "saving the world", and committed to explore the philosophy of life. As a prose corpus exploring life, "Kongshan Lingyu" with a clear tendency of progress has an extensive and profound analysis on philosophy of life. In many process of "KongShan Lingyu", Xu Dishan emphasized the meaning of world and life, positively and in-depth explored the meaning of life. Affected by his family and Movement of "May 4th", He saw the darkness of society with suffering people and devoted his deep sympathy to them. "Kongshan Lingyu" is just like an idyllic and depicting impressionistic painting has rich and deep thoughts and feelings. Throughout "Kongsham Lingyu", we can see clearly that the philosophy of life of Xu Dishan is deeply affected by Confucianism, Buddhism, Taoism, Christianity and other factors. And it focused on "using purified mind to live in the world of chaos" between the cultural conflict, and committed to "cry out" "appeal" "praise" "appreciate" as the way of change.
本论文选题是依据许地山的散文小品集《空山灵雨》和道教、佛教、基督教等宗教文化精髓，并结合当今社会物欲横流的现象对人生观、价值观的加以剖析和比较分析。论文选题的主要来源是许地山《空山灵雨》散文集中关于矛盾人生观的阐述。《空山灵雨》散文集是许地山早期的小品散文集，其小品富含哲理，兼具浓郁的宗教色彩。这一时期，他把文学看作“济世救人的工作，致力于人生观的探讨。作为一本探索人生的散文小品集，《空山灵雨》的倾向是鲜明的、进步的. 它从各种不同的角度对人生进行广泛而深刻的剖析、探究，而且哲理内涵丰富。
《空山灵雨》散文集中，处处可见许地山对于人生意义的积极探寻、苦苦思索。许地山受家庭和所受教育的影响，“五.四”后中国黑暗的社会深深地陷入痛苦的矛盾之中，这让他看到了社会的黑暗、人民的痛苦，并倾注了他的深切同情。许地山的《空山灵雨》散文集犹如一首首田园诗, 又象一幅幅写意画, 思想感情丰富而深沉, 在平淡的文字下包藏着一颗敏感而多情的心, 为着人生和整个社会坚韧地跳动着, 那种内在的思想感情的旋律与行文外在的节奏是相适应的。纵观《空山灵雨》, 我们可以看出许地山的人生观深受儒释道、基督等影响，在多家文化的矛盾中以“出世的心做着入世的事”，以博爱、体恤疾苦作为改变现实的路而“疾呼”、“呐喊”、“歌颂”、“赞美”。
