Please use this identifier to cite or link to this item:
https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1250
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | ดวงพร สังข์สัพพันธ์ | - |
dc.contributor.author | พรรัชนี วีระพงศ์ | - |
dc.contributor.author | Duangporn Sungsuppun | - |
dc.contributor.author | Pornratshanee Weerapong | - |
dc.contributor.other | Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Physical Therapy | th |
dc.contributor.other | Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Physical Therapy | - |
dc.date.accessioned | 2023-03-13T05:41:57Z | - |
dc.date.available | 2023-03-13T05:41:57Z | - |
dc.date.issued | 2002 | - |
dc.identifier.uri | https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/1250 | - |
dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการสวมใส่อุปกรณ์ประคองข้อเข่าต่อการรับรู้ตำแหน่งของข้อเข่า ในภาวะปกติและภาวะกล้ามเนื้อล้าในนักกีฬาเซปักตะกร้อไทย โดยการทดสอบในนักกีฬาเซปักตะกร้อ รุ่นอายุ 12-18 ปี ที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี และไม่มีประวัติการบาดเจ็บข้อเข่าอย่างรุนแรง จำนวน 36 คน แบ่งเป็นชาย 18 คน หญิง 18 คน โดยทำการวัดองศาของมุมการเคลื่อนไหวข้อเข่าซ้ำในท่างอเข้า 30 ° และ 60 ° ด้วยเครื่องวัดมุมการเคลื่อนไหวชนิด universal goniometer แล้วนำมาคำนวณหาค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์ของมุมการเคลื่อนไหวข้อเข่า ซึ่งเป็นความแตกต่างของค่าองศาการเคลื่อนไหวที่ได้จาก ค่าองศามุมการเคลื่อนไหวซ้ำที่นักกีฬาทำได้บวกหรือลบด้วยค่าองศาของมุมการเคลื่อนไหวที่กำหนด ในขณะสวมใส่อุปกรณ์ประคองข้อเข่า และไม่ใส่อุปกรณ์ประคองข้อเข่า ก่อนและหลังการออกกำลังกาย ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน 2544 ผลการศึกษาค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์ของมุมการเคลื่อนไหวข้อเข่า จากการวัดมุมการเคลื่อนไหวข้อเข่าที่ 30° พบว่านักกีฬาที่ไม่ใส่อุปกรณ์ประคองเข่าสามารถเคลื่อนไหวข้อเข่าให้ใกล้เคียงมุมงอเข่า 30 ° ภายหลังการออกกำลังกาย (ค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เท่ากับ 2.20+-2.55) ได้มากกว่าก่อนออกกำลังกาย (ค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เท่ากับ 4.20+-4.00) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P<0.05 ส่วนการวัดมุมการเคลื่อนไหวข้อเข่าที่ 60° กลับพบว่านักกีฬาที่สวมใส่อุปกรณ์ประคองเข่า สามารถเคลื่อนไหวข้อเข่าให้ใกล้เคียงมุมงอเข่า 60° ภายหลังการออกกำลังกาย (ค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เท่ากับ 5.09+-3.13) ได้น้อยกว่าก่อนออกกำลังกาย (ค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เท่ากับ 4.36+-3.29) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P<0.05 และสำหรับผลของการสวมใส่อุปกรณ์ประคองเข่าในภาวะปกติคือก่อนออกกำลังกาย ทำให้นักกีฬาที่สวมใส่อุปกรณ์ประคองเข่าสามารถเคลื่อนไหวข้อเข่า (ค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เท่ากับ 4.36+-3.29) ให้ใกล้เคียงมุม 60° ได้มากกว่าการไม่ใส่อุปกรณ์ประคองค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เท่ากับ 5.83+-5.44) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P<0.05 ในขณะที่การสวมใส่อุปกรณ์ประคองเข่าในภาวะหลังออกกำลังกายซึ่งทำให้กล้ามเนื้อล้า พบว่านักกีฬาที่สวมใส่อุปกรณ์ประคองเข่าสามารถเคลื่อนไหวข้อเข่า (ค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เท่ากับ 5.09+-3.13) ให้ใกล้เคียงมุม 60° ได้น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P<0.05 เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ใส่อุปกรณ์ประคองเข่า (ค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เท่ากับ 4.62+-3.78) จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การสวมใส่อุปกรณ์ประคองเข่าในนักกีฬาที่ไม่เคยมีอาการบาดเจ็บรุนแรง อาจช่วยเพิ่มความสามารถในการรับรู้ตำแหน่งของข้อเข่า ได้เฉพาะในภาวะปกติซึ่งแสดงได้จากค่าองศาความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์ของมุมการเคลื่อนไหวข้อเข่าที่น้อยกว่า ในขณะที่การสวมใส่อุปกรณ์ประคองเข่าขณะกล้ามเนื้ออยู่ในภาวะล้า อาจจะทำให้ความสามารถในการรับรู้ตำแหน่งของข้อเข่าลดลงได้ ดังนั้นการส่งเสริมให้นักกีฬาสวมใส่อุปกรณ์ประคองเข่าในการออกกำลังกาย จึงควรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และเพื่อให้การสวมใส่อุปกรณ์ประคองเข่าเกิดประโยชน์สูงสุด ควรพิจารณาถึงรูปแบบของอุปกรณ์ประคองเข่าแต่ละชนิด รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ เช่น วัสดุที่ใช้ทำน้ำหนักของอุปกรณ์ แรงกดและแนวการพยุง ตลอดจนความยืดหยุ่นของอุปกรณ์ | th |
dc.description.abstract | The purpose of this study was to determine the effects of wearing knee brace on joint positioning sense in normal and fatigue stage. 36 young Sepak Takraw players age 12-18 years, who study in sport school at Supanburi province and did not have severe knee joint injury. All athletes were measured knee propripception by mean of the active reproduction of specific joint angle at 30° and 60° knee flexion using universal goniometer during braced and nonbraces at before and after exercise. This test used the absolute angular error to determine ability of the subject. This study found that nonbraced in post-exercise stage, the absolute angular error at 30° knee flexion is less than nonbraced in pre-exercise. While braced in post-exercise stage, the absolute angular error at 60° knee flexion is greater than braces in pre-exercise stage. For the effect of bracing, braced legs can move to 60° knee flexion better than nonbraced significantly only before exercise. Whereas after exercise condition, nonbraced legs can move to 60° knee flexion better than braced legs significantly. These results cannot indicate that wearing brace may improve proprioceptive sense of both normal and fatigue stage in young Sepak Takraw players. It may beacuse of the athletes, who did not have severe injury, have high effiecient of muscle performance. In addition, exercise in this study may not cause muscle fatigue so that it also cannot alter proprioceptive sense. | th |
dc.description.sponsorship | ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ปีการศึกษา 2543 | th |
dc.language.iso | th | th |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ | th |
dc.subject | ข้อเข่า | th |
dc.subject | Knee | th |
dc.subject | ความล้า | th |
dc.subject | Fatigue | th |
dc.subject | กายภาพบำบัด -- เครื่องมือและอุปกรณ์ | th |
dc.subject | Physical therapy -- Equipment and supplies | th |
dc.subject | เซปักตะกร้อ | th |
dc.subject | Sepak Takraw | th |
dc.subject | นักกีฬา | th |
dc.subject | Athletes | th |
dc.title | ผลของอุปกรณ์ประคองเข่าต่อการรับรู้ตำแหน่งของข้อในภาวะปกติและภาวะล้าของนักกีฬาเซปักตะกร้อไทย | th |
dc.title.alternative | The Effects of Knee Brace on Joint Position Sense in Normal and Fatigue Stages of Thai Sepak Takraw Athletes | th |
dc.type | Technical Report | th |
Appears in Collections: | Physical Therapy - Research Reports |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Abstract.pdf | 308.37 kB | Adobe PDF | View/Open | |
tableofcontents.pdf | 170.69 kB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter1.pdf | 264.24 kB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter2.pdf | 1.49 MB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter3.pdf | 543.9 kB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter4.pdf | 291.07 kB | Adobe PDF | View/Open | |
chapter5.pdf | 544.23 kB | Adobe PDF | View/Open | |
references.pdf | 415.64 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.