การศึกษาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมทางสังคมสงเคราะห์และการมุ่งอนาคตของนักสังคมสงเคราะห์ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านราชวิถี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

Abstract

การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมทางสังคมและการมุ่งอนาคตของนักสังคมสงเคราะห์ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านราชวิถีกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 96 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และ การทดสอบค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นหญิง อายุระหว่าง 20-29 ปี มีอายุราชการ1-10 ปี มีการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นส่วนใหญ่ และ ส่วนใหญ่เป็นพนักงานราชการ ข้อมูลด้านพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมนักสังคมสงเคราะห์ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านราชวิถีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีความซื่อสัตย์อยู่ในระดับปานกลาง มีความเสมอภาคและความยุติธรรมอยู่ในระดับปานกลาง มีความเมตตาอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับปานกลางเล็กน้อย มีการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีความกตัญญูกตเวทีอยู่ในระดับ ปานกลาง ข้อมูลด้านการมุ่งอนาคต นักสังคมสงเคราะห์ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านราชวิถีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีการมุ่งอนาคตอยู่ในระดับต่ำกว่าปานกลางเล็กน้อย ความแตกต่างของลักษณะการมุ่งอนาคตและพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมจำแนกตามข้อมูลส่วนบุคคลจากการศึกษาความแตกต่างของพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมและการมุ่งอนาคตพบว่า เพศหญิงมีพฤติกรรมความเสมอภาคและความยุติธรรม ความเมตตา และ ความกตัญญูกตเวที สูงกว่าเพศชาย ส่วนตัวแปรด้านอื่นๆไม่แตกต่างความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะการมุ่งอนาคตกับพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมลักษณะการมุ่งอนาคตมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมความซื่อสัตย์ ความเมตตา และการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ข้อเสนอแนะ จากผลการศึกษาในครั้งนี้ผู้ศึกษามีข้อเสนอแนะต่อการเสริมสร้างจริยธรรมในการทำงานตามกรอบจรรยาบรรณของนักสังคมสงเคราะห์โดยรัฐควรมีนโยนายให้หน่วยงานที่มีบุคลากรปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ หรือ มีบุคลากรที่มีหน้าที่ในการให้บริการประชาชน จัดอบรมเสริมสร้างจิตลักษณะที่สำคัญ เพื่อให้บุคลากรเหล่านั้นมีความพร้อมด้านจิตใจที่จะทำหน้าที่ให้บริการแก่ผู้รับบริการที่มารับบริการอย่างมีความสุขโดยเน้นการจัดอบรม-ส่งเสริมทางด้านความรับผิดชอบ ด้านคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ความเมตตา ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฏิบัติงานทางด้านสังคมสงเคราะห์ เนื่องจากผู้ปฏิบัติที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการประชาชนเป็นสำคัญ