ทัศนคติและแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของเภสัชกรประจำสาขาในร้านยาวัตสัน เขต 6 กรุงเทพมหานคร บริษัทเซ็นทรัล วัตสัน (ประเทศไทย) จำกัด

Abstract

การสำรวจทัศนคติและแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของเภสัชกรประจำสาขาในร้านยาวัตสัน เขต 6 กรุงเทพมหานคร บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน (ประเทศไทย) จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงทัศนคติ แรงจูงใจ สาเหตุของปัญหาการลาออกและการปรับปรุง พัฒนาระบบการสร้างแรงจูงใจของเภสัชกรประจำร้านในการปฏิบัติงานที่สาขาของตนเอง ซึ่งในการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงสำรวจ (Survey Research) โดยใช้การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth Interview) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย โดยจะเลือกศึกษาจากประชากรที่มีลักษณะตรงตามวัตถุประสงค์ซึ่งกลุ่มประชากรที่ศึกษา คือ เภสัชกรประจำร้านยาวัตสัน เขต 6 กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่และลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว โดยเลือกสัมภาษณ์เชิงลึกกับเภสัชกรประจำสาขาที่ยินยอมและให้ความร่วมมือในการสัมภาษณ์ จำนวน 18 คน การวิเคราะห์ทำในรูปแบบของตารางแจกแจ้งข้อมูล (Cross Case Analysis)ผลการศึกษาพบว่า เภสัชกรผู้ให้สัมภาษณ์เป็นเพศหญิงและเพศชาย จำนวนเท่ากัน มีอายุเฉลี่ย 27 ปี การศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี มีสถานภาพโสด มีตำแหน่งเป็นเภสัชกรประจำร้าน ระยะเวลาการปฏิบัติงานกับร้านยา Watson เฉลี่ย 2 ปี ช่วงเวลาที่เปิดทำการ คือ 11.00-20.00 น. ประเภทของสินค้าภายในร้าน ได้แก่ ยา อาหารเสริม อุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องสำอาง เครื่องอุปโภคบริโภค และอื่นๆ รายได้เฉลี่ยของสาขา ต่อวันอยู่ที่ 95,472 บาท แก่นความคิดที่ 1 เกี่ยวกับทัศนคติในการปฏิบัติงานของเภสัชกรประจำสาขา ผลการศึกษาพบว่า สาเหตุของปัญหาการลาออกที่แท้จริงของเภสัชกรที่อยู่ประจำสาขา สาเหตุของปัญหาการลาออกที่พบอยู่บ่อยครั้ง เกิดจากปัญหาความขัดแย้งในการทำงานกับผู้จัดการร้านและการไม่ให้เกียรติในวิชาชีพเภสัชกร เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น นอกจากนี้ยังเกิดจากบทบาทหน้าที่ของเภสัชการในร้านยา Watson ในทางปฏิบัติจริงก็ไม่ตรงตามบทบาทหน้าที่ของเภสัชกรในร้านยา ขย. 1 โดยส่วนใหญ่จะเป็นการกระตุ้นยอดขายและการให้บริการแก่ลูกค้ามากกว่าการบริบาลผู้ป่วยซึ่งทำให้เภสัชการไม่สามารถใช้ความรู้ที่เรียนมาได้อย่างไม่เต็มที่ แก่นความคิดที่ 2 เกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของเภสัชการประจำสาขา ด้านเงินเดือนและสวัสดิการ พบว่า รายได้และสวัสดิการต่างๆ ที่ได้รับ เภสัชกรส่วนใหญ่เห็นว่ามีความไม่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณงานที่ได้รับ ด้านความมั่นคงในการทำงานกับองค์กรในภาพรวม พบว่า องค์กรนี้มีความมั่นคงเนื่องจากเป็นองค์กรที่ให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สูง ด้านบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พบว่า ในภาพรวมบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานไม่สามารถช่วยทำให้เกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน เนื่องจากมีแรงกดดันในเรื่องยอดขายจากผู้จัดการ ด้านโอกาสในการพัฒนาตนเอง พบว่า งานที่ทำอยู่ไม่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถที่เรียนมา ส่วนโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เป็นการพัฒนาตนเองนั้น พบว่า มีโอกาสค่อนข้างมาก เนื่องจาก บริษัท มีการฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับสินค้าใหม่ และตัวยาใหม่อยู่เสมอ ด้านโอกาสในการแสดงความคิดเห็น ความก้าวหน้าและการยอมรับนับถือในองค์การ พบว่า อำนาจหน้าที่มีความไม่เหมาะสมกับความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ในส่วนของตำแหน่งงานที่ได้รับในองค์กรนี้ พบว่า เป็นตำแหน่งที่ไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าในการทำงาน เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น ในส่วนของการยอมรับนับถือ พบว่า ลักษณะของงานที่ได้รับไม่ได้รับการยอมรับนับถือจากเพื่อนร่วมวิชาชีพเดียวกันเท่าที่ควร ในส่วนของเพื่อนร่วมงานในร้าน พบว่า ไม่ได้รับการให้เกียรติและการยอมรับนับถือในฐานะที่เป็นเภสัชกรประจำร้าน เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น แก่นความคิดที่ 3 เกี่ยวกับการปรับปรุงและพัฒนาระบบการสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน พบว่า เภสัชกรส่วนใหญ่เห็นว่าทำได้โดยการให้การยอมรับนับถือและการให้เกียรติวิชาชีพเภสัชกร รวมถึงการให้เภสัชกรมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการเขต และผู้จัดการร้านเหมือนกับองค์กรอื่น เพื่อที่จะสามารถเข้าใจความรู้สึกของเภสัชกรและสามารถเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและนำไปสู่การปรับปรุงระบบการทำงานที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการลาออกของเภสัชกรที่พบอยู่บ่อยครั้ง