ความชุกของวัณโรคและวัณโรคดื้อยาไรแฟมพิซินโดยใช้ Xpert MTB/RIF Ultra ในโรงพยาบาลสมุทรปราการ ระหว่างปี พ.ศ. 2561-2565

Abstract

วัณโรคและวัณโรคดื้อยาเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขของทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาแบบย้อนหลังโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาความชุกของเชื้อวัณโรคและวัณโรคดื้อยาไรแฟมพิซินในผู้ป่วยสงสัยวัณโรคของโรงพยาบาลสมุทรปราการ โดยใช้เครื่อง Xpert MTB/RIF Ultra ระหว่างปี พ.ศ. 2561-2565 โดยวิเคราะห์จากข้อมูลผู้ป่วยสงสัยวัณโรคจากอาการทางคลินิกหรือผลการเอกซเรย์ปอดสอดคล้องกับวัณโรค และมีผลตรวจสิ่งส่งตรวจด้วยวิธี Xpert MTB/RIF Ultra จำนวน 5,004 ราย ผลการศึกษา พบว่า เป็นวัณโรค 1,537 ราย คิดเป็นความชุก ร้อยละ 30.7 จำแนกเป็นผู้ป่วยวัณโรคปอดร้อยละ 95.6 และวัณโรคนอกปอดร้อยละ 4.4 จำแนกความชุกรายปีร้อยละ 26.2, 31.9, 33.0, 27.8 ตามลำดับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 71.0 พบมากในช่วงอายุ 40-60 ปี ร้อยละ 30.5 กลุ่มเสี่ยงประกอบด้วยผู้มีผลเอกซเรย์ปอดผิดปกติ ร้อยละ 50.9 รองลงมาติดเอชไอวี ร้อยละ 9,2 และพบวัณโรคดื้อยาไรแฟมพิซินร้อยละ 7.4 สรุปว่าความชุกของวัณโรคและวัณโรคดื้อยาไรแฟมพิซินในโรงพยาบาลสมุทรปราการยังมีอัตราที่สูง ดังนั้น การตรวจด้วยวิธีที่ถูกต้องและรวดเร็วในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงจะทำให้ผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการลดการแพร่กระจายของเชื้อได้

Tuberculosis (TB) and multi-drug resistant TB (MDR-TB) are major global health problems, especially in Thailand. This research is a retrospective study which aimed to determine the prevalence of tuberculosis and rifampicin resistant-tuberculosis in Samutprakan Hospital between 2018-2022. A total of 5,004 presumptive TB patients having clinical symptoms or chest X-ray compatible with TB were registered for TB diagnosis. Samples were analyzed by using the Xpert MTB/RIF Ultra, The result showed that 1,537 cases were tuberculosis accounting for the prevalence of 30,7%. Pulmonary (95.6%) and extrapulmonary TB cases (4.4%) were observed among cases. The annual prevalence was classified as 26.2, 31.9, 34.8, 33.0, 27.8 %, respectively. Among all TB patients, 71.0% were male and the most prevalence age group was 40-60 years (30.5%). Moreover, the prevalence of risk groups was highest in the abnormal chest X-ray patients (50.9%), followed by the HIV co-infected patients (9.2%). From all positive samples, 114 samples were rifampicin-resistant (7.4%). In conclusion, the prevalence of tuberculosis and rifampicin-resistant tuberculosis in Samutprakan Hospital remains high. Therefore, to reduce the spread of infection, accurate and rapid examination of patients in high risk groups will allow them to enter the treatment system efficiently and promptly.