Please use this identifier to cite or link to this item: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/162
Title: การรับรู้และปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคมไทย : ศึกษาเปรียบเทียบผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้างในสถานะประกอบการกับผู้ประกันตนอิสระ
Other Titles: The Beneficiaries' Acknowledgement and Protection of Their Beneficial Rights under Social Insurance Act : A Comparative Analysis between the Employed Beneficiaries and the Self-Employed Beneficiaries
Authors: โชคชัย สุทธาเวศ
Chokchai Suttawet
อารี สัมมา
Aree Summar
Huachiew Chalermprakiet University. Faculty of Social Work and Social Welfare
Keywords: ประกันสังคม -- ไทย
สิทธิลูกจ้าง
Social security -- Thailand
Employee rights
Issue Date: 2000
Publisher: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
Abstract: การศึกษานี้เป็นการศึกษาการรับรู้และปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนโดยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์ กลุ่มตัวอย่างที่สอบถามเป็นผู้ประกันตน 28 คน ที่เคยใช้บริการประกันสังคม ประกอบด้วยกลุ่มที่หนึ่งเป็นผู้ประกันตนในสถานประกอบการที่มีสหภาพแรงงาน กลุ่มที่สอง ผู้ประกันตนในสถานประกอบการที่ไม่มีสหภาพแรงงาน กลุ่มที่ 3 ผู้ประกันตนอิสระที่เคยทำงานในสถานประกอบการที่มีสหภาพแรงงาน กลุ่มที่สี่ ผู้ประกันตนอิสระที่เคยทำงานในสถานประกอบการที่ไม่มีสหภาพแรงงาน และได้สัมภาษณ์ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประกันสังคม โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ หนึ่ง เพื่อศึกษาความหลากหลายและความแตกต่างในการรับรู้สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม สอง เพื่อศึกษาถึงวิธีปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน ผลการศึกษาพบว่าผู้ประกันตนมีอายุเฉลี่ย 46 ปีขึ้นไป มีสถานภาพสมรสแล้วเป็นส่วนใหญ่ การศึกษาจบชั้นประถมศึกษาถึงระดับปริญญาตรี และมีอายุการทำงานในสถานประกอบการเฉลี่ย 8.5 ปี ส่วนใหญ่เลือกใช้โรงพยาบาลเอกชนเป็นโรงพยาบาลประกันสังคม การรับรู้สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคมไทย 7 กรณี คือ กรณีเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีคลอดบุตร กรณีตาย กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน พบว่า ผู้ประกันตนในสถานประกอบการที่มีสหภาพแรงงานโดยส่วนใหญ่มีการับรู้สิทธิประโยชน์ของตนเองหลากหลายกรณีมากกว่าผู้ประกันตนที่ทำงานในสถานประกอบการไม่มีสหภาพแรงงานแต่กรณีชราภาพและว่างงาน ผู้ประกันตนในสถานประกอบการที่ไม่มีสหภาพแรงงานกลับรู้สิทธิประโยชน์ข้อนี้มากกว่าผู้ประกันตนในสถานประกอบการที่มีสหภาพแรงงาน ส่วนผู้ประกันตนอิสระที่เคยทำงานในสถานประกอบการที่มีสหภาพแรงงานมีการรับรู้สิทธิประโยชน์ของตนกรณีทุพพลภาพ กรณีเจ็บป่วย กรณีคลอดบุตร กรณีตาย และกรณีสงเคราะห์บุตร มากกว่าผู้ประกันตนที่เคยทำงานในสถานประกอบการที่ไม่มีสหภาพแรงงาน ผู้ประกันตนอิสระทั้งสองกลุ่มมีการรับรู้เรื่องกรณีคลอดบุตรเท่ากัน แต่สำหรับการรับรู้กรณีชราภาพและว่างงาน ผู้ประกันตนอิสระที่เคยทำงานในสถานประกอบการที่ไม่มีสหภาพแรงงานกลับรับรู้มากกว่าผู้ประกันตนอิสระที่เคยทำงานในสถานประกอบการที่มีสหภาพแรงงานทั้ง 4 กลุ่ม มีความหลากหลายในการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากกว่ากันจากมากที่สุดในหาน้อยที่สุดตามลำดับคือ กรณีคลอดบุตรมากที่สุด รองลงมาคือ กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีตาย กรณีเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีชราภาพ และรับรู้น้อยที่สุดคือ กรณีว่างงาน การปกป้องพิทักษ์สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมนั้น ผู้ประกันตนทุกคนที่ถูกศึกษาเคยเข้ารับบริการด้านการประกันสังคมนั้นมี 1 คน เคยเข้ารับบริการกรณีสงเคราะห์บุตรจากสำนักงานประกันสังคมและอีก 27 คน เคยเข้ารับบริการรักษาพยาบาลโดยเป็นไข้นอกและการรักษาพยาบาลกรณีเคยป่วยเป็นคนไข้ใน ปัญหาการบริการส่วนใหญ่พบว่ามักเกิดจากการบริการของสถานพยาบาลไม่มีคุณภาพ การรักษาของแพทย์ขาดประสิทธิภาพ การจ่ายยา คุณภาพต่ำ ผู้ประกันตนส่วนมากไม่สามารถพิทักษ์สิทธิประโยชน์ของตนได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทำด้วยตนเอง แจ้งฝ่ายบุคคลในสถานประกอบการ แจ้งสหภาพแรงงาน ร้องเรียนที่สำนักงานประกันสังคม แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของรัฐ รวมกลุ่มกับผู้ประกันตนอื่นร้องเรียนหน่วยให้บริการ แจ้ง NGOs ฟ้องศาลขอเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมก็ตาม การร้องเรียนก็มักจะเป็นการกระทำด้วยตนเอง การจะไป สอบสวนสืบพยานดำเนินการทางกฎหมายก็เกรงจะเกิดปัญหากับสถานประกอบการ ทำละเลยในการปกป้องพิทักษ์สิทธิประโยชน์และยังพบว่าแทบทั้งหมดไม่ทำอะไรที่จะให้กลุ่มผู้ประกันตนด้วยกัน สหภาพแรงงานและองค์กรพัฒนาเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการปกป้องสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวกับการประกันสังคมแก่ผู้ประกันตน จากผลการศึกษาครั้งนี้ทำให้ผู้วิจัยมีความเห็นว่าการพัฒนาระบบประกันสังคมให้ดีขึ้น ควรปรับปรุงด้านบุคลากรในสถานพยาบาลให้มีจิตสำนึกและความรับผิดชอบที่ดีต่อผู้ใช้บริการ มีการบริการที่ดี การใช้ยารักษาควรมีมาตรฐานในด้านของรัฐควรมีการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ ความรู้ในสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนให้ทราบถึงความคุ้มครองที่ควรได้รับและให้มีการครอบคลุมไปถึงผู้ประกันตนทันทีเมื่อเริ่มจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ในการเรียกร้องสิทธิประโยชน์ประกันสังคม ควรมีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ลูกจ้างเข้าใจความสำคัญในการเรียกร้องปกป้องสิทธิประโยชน์เมื่อประสบปัญหาในการรับบริการ ทั้งยังควรมีการประสานงานกับนายจ้างและหน่วยงานของรัฐในการเลือกสถานพยาบาลเองเพื่อได้ผลประโยชน์เต็มที่ ส่วนในเรื่องการลงโทษสถานพยาบาลที่บริการไม่ดีหรือผิดพลาด ควรมีมาตรฐานที่เด็ดขาดและเข้มงวดกว่าปัจจุบันนอกจากนี้หน่วยงานประกันสังคมควรมีบทบาทสำคัญในการดูแลปกป้องสิทธิ์ประโยชย์ผู้ประกันตน โดยตรวจสอบสถานประกอบการที่ไม่แจ้งรายชื่อลูกจ้างเข้าเป็นสมาชิกผู้ประกันตนหรือเก็บเงินจากลูกจ้างแล้วไม่นำส่งสำนักงานประกันสังคม และต้องกระจายข่าวให้ผู้ประกันตนทราบว่าบุคคลสามารถปกป้องสิทธิประโยชน์ประกันสังคมโดยใช้หน่วยงานในสถานประกอบการเจ้าหน้าที่ของรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) สหภาพแรงงาน และหน่วยงานอื่นเพื่อสิทธิของผู้ประกันตน
This thesis is a study of beneficiaries' acknowledgement and protection of their beneficial rights. It is studied from 28 beneficiaries consisting of 1) Beneficiaries from companies having labor union 2) Beneficiaries from companies having no lobor union 3) Self-employed beneficiaries who used to work in companies having labor union 4) Self-employed beneficiaries who used to work in companies having no labor union. Data are also collected from senior executive from social insurance field. There are 2 main objectives of the thesis, 1) to study diversities of beneficiaries acknowledgement in social insurance system 2) to study strategies and methods in protecting beneficiaries rights. From the study, the beneficiaries' background revealed their average age of 46 and over, mostly married with education level ranges from primary school up to bachelor degree. Average working time period in a particular company is 8.5 years. They mostly choose private hospitals as their social insurance medication contractors. Beneficiaries' acknowledgement according to 7 cases covered in Social Insurance Act are as following benefits : 1) sickness 2) disability 3) maternity 4) death 5) child adoption 6) old-age pension 7) unemployment. It was found that beneficiaries from companies having lobor union acknowledge their beneficial rights move diversities than beneficiaries from companies having no labor union in most cases mentioned. However, for the cases of old-age pension and unemployment the beneficiaries working in the company with no lobor union acknowledge their rights more than the beneficiaries working in the company with lobor union. Besides, self-employed beneficiaries who used to work in companies having labor union acknowledge their beneficial rights in sickness, maternity, death, disability and child benefits more than self-employed beneficiaries who used to work in companies having no labor union. Both groups of self-employed are found to equality acknowledge their beneficial rights in maternity case. Surprisingly, for the acknowledgment of old-age pension and unemployment cases, the self-employed beneficiaries who used to work in companies having no labor union acknowledge there rights more than self-employed beneficiaries who used to work in companies having labor union. From the four groups of the study, all group acknowledge their beneficial rights the most in maternity case. And it is followed consecutively by child benefit, death benefit, sickness benefit, disability benefit, old-age pension benefit, and lastly unemployment benefit. Beneficial rights protection according to social insurance services, beneficiaries are able to change their medical contractors or hospitals once a year. From the 28 beneficiaries studied, one has used service of child benefit 27 have admitted as both in and out-patients in their contracted hospitals. It is found that problems are detected mostly from low standardized hospitality and service, inefficiency diagnosis from doctor, and low quality medication from the contracted hospitals. The beneficiaries can not use variety of alternative that they should complain for their rights and protection covered by social insurance. For example: by informing personnel staff in the hospital, informing labor union staff, submitting the complaints to social insurance office, informing related governmental service, forming group with other beneficiaries submitting complaints to the contracted hospital, informing NGOs, suing the hospital, and changing contract to other hospital. The research shows limitations and failures in labor protection according to social insurance system. Only some beneficiaries submit complaints by themselves, whereas some are terrified to complain. It is because most beneficiaries believe that protection and complaints are4 time consuming and not beneficial especially when concerned process occurs. Not many beneficiaries fight for their rights because they fear of any disadvantages they might obtain. Some deny performing any witness process in order to lesson their problems with the contracted hospital. And that finally results in neglecting their protection rights and ability to utilize the lobor union and non-government organization which can protect their benefits in social insurance scheme. Finally the researcher states some recommendations to improve social security system. In order to improve, personnel in the contracted medical center should have responsibility and conscience to serve their customers well. Excellent in service and standardized medication dispensation should be careful observed. Government should provide public relations service to educate the beneficiaries about their rights and protection they obtain, since money is paid to the social security office. It should also be proactively informed to the beneficiaries about the assertion of beneficial rights and importance of assertively claim for their beneficial right when experiencing difficulties getting their services. Besides, the beneficiaries should work cooperatively with employers and the government to monitor services of a contracted medical center in order to obtain the full beneficial rights. The penalties for unfavorable contracted medical center should be tougher than in present. Morover, the social security office should play an important role in protecting the benefit and rights. It can be done by examining the companies that do not submit the lists of beneficiaries and money that is collected to the social security office. The social security should also inform the beneficiaries about their rights and protection of rights through the responsible unit of the companies, government officers, NGOs, lobor union, or related organizations to protect the rights of beneficiaries.
Description: วิทยานิพนธ์ (สส.ม.) -- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 2543
URI: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/162
Appears in Collections:Social Work and Social Welfare - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
abstarct.pdf1.94 MBAdobe PDFView/Open
TableContent.pdf1.58 MBAdobe PDFView/Open
chapter1.pdf863.93 kBAdobe PDFView/Open
chapter2.pdf4.32 MBAdobe PDFView/Open
chapter3.pdf412.08 kBAdobe PDFView/Open
chapter4.pdf3.25 MBAdobe PDFView/Open
chapter5.pdf1.2 MBAdobe PDFView/Open
references.pdf7.02 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.