Please use this identifier to cite or link to this item: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/2068
Title: การปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์ประเภทครีมบำรุงผิว
Other Titles: Efficency Improvement of Total Processing for Nourishing Cream Products Group : Case Study of Beiersdore Company Limited
Authors: อภิชัย สายสดุดี
จันทนา ลิ้มสุขเสกสรรค์
Keywords: การวางแผนการผลิต
Production planning.
การบำรุงรักษาเชิงทวีผลโดยรวม
Total productive maintenance.
การควบคุมความสูญเปล่า
Loss control
ครีมบำรุงผิว
Nourishing cream
บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด
Beiersdore Company Limited
Issue Date: 2006
Publisher: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
Abstract: การศึกษาเรื่อง การปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์ประเภท Cream บำรุงผิว (Nourishing Cream) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาที่มีผลต่อค่าประสิทธิผลโดยรวมของกระบวนการผลิตของผลิตภัณฑ์ประเภท Cream พร้อมทั้งหาแนวทางในการแก้ไขและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตโดยวิธีการเปรียบเทียบกับค่า Benchmarking ของข้อมูลย้อนหลัง 2 ปี โดยใช้เครื่องมือทดสอบความสัมพันธ์ที่เรียกว่า การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation Analysis) และใช้เครื่องมือ TPM (การบำรุงรักษาทวีผลแบบทุกคนมีส่วนร่วม) ในเสาหลักที่มีชื่อว่า การปรับปรุงเฉพาะเรื่อง (Individual Improvement) ซึ่งประกอบไปด้วยขั้นตอนดังนี้ คือ การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง การเก็บข้อมูลขณะทำการศึกษา/แก้ไข เพื่อหาสาเหตุของปัญหา และสุดท้ายการวิเคราะห์ข้อมูลหลังทำการศึกษา พร้อมเปรียบเทียบผลที่ได้ก่อนและหลังทำการศึกษาโดยใช้เครื่องมือควบคุมคุณภาพช่วยในการศึกษา คือ ใบตรวจสอบ (Check Sheet) การวิเคราะห์พาเรโต (Pareto Analysis) และผังก้างปลา (Fish Bone Diagram) ผลการศึกษา พบว่าปัญหาที่ทำให้ค่า ร้อยละ Service Level ของผลิตภัณฑ์ประเภท Cream มีค่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์กลุ่มของ Roll-On และ Body นั้นมาจากปัญหาด้านประสิทธิภาพของการผลิต เนื่องมาจากค่าเฉลี่ยร้อยละประสิทธิผล โดยรวมของเครื่องจักรก่อนทำการศึกษาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 ถึงเดือนกันยายน 2548 นั้นมีค่าเพียง 38.30 แต่เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างร้อยละ Service Level และค่าเฉลี่ยร้อยละ Supplier Performance Evaluation นั้นมีค่าเพียง 0.33 ซึ่งพบว่าไม่มีความสัมพันธ์กัน อีกทั้งในช่วงเวลาเดียวกันค่าร้อยละเฉลี่ย Supplier Performance Evaluation นั้น ยังมีค่าสูงถึง 96.50 ซี่งสนับสนุนผลจากการวิเคราะห์ว่าปัญหาที่ทำให้ค่าร้อยละ Service Level มีค่าต่ำนั้นมีที่มาจากปัญหาด้านประสิทธิภาพของการผลิต สำหรับการศึกษาในส่วนของปัญหาด้านประสิทธิภาพของการผลิต พบว่า สาเหตุที่ทำให้ค่าร้อยละประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร มีค่าต่ำนั้นมาจากปัญหาตลับคว่ำ/ตัวยาราด และปัญหาฝาลงไม่ทันคิดเป็นร้อยละ 14.01 และ 13.86 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเวลารับภาระงานทั้งหมด โดยหลังจากทำการปรับปรุง/ศึกษา ค่าความสูญเสียลดลงเหลือร้อยละ 6.03 และ 2.45 ตามลำดับเมื่อเทียบกับเวลารับภาะงานทั้งหมด ทำให้ค่าร้อยละประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักรมีค่าเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยก่อนปรับปรุงซึ่งอยู่ที่ 38.30 เป็น 67.50 และค่าร้อยละเฉลี่ย Service Level เพิ่มขึ้นจาก 94.86 เป็น 98.06
Description: ภาคนิพนธ์ (บธ.ม.) (บริหารธุรกิจ) -- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 2549
URI: https://has.hcu.ac.th/jspui/handle/123456789/2068
Appears in Collections:Business Administration - Independent Studies

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Juntana-Limsooksaksun.pdf18.12 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.